รีวิว You Are My Glory - ดุจดวงดาวเกียรติยศ
สำหรับซีรี่ส์ You are My Glory หรือชื่อไทยว่า ดุจดวงดาวเกียรติยศ เป็นซีรี่ส์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่องดุจดวงดาวเกียรติยศ ผลงานประพันธ์ของ กู้ม่าน (ใครอยากอ่านฉบับแปล สำนักพิมพ์อรุณ มีจำหน่ายนะ) กู้ม่าน คือ นักเขียนนิยายชาวจีนที่อยู่เบื้องหลังการประพันธ์ซีรี่ส์จีนหลายๆ เรื่องที่โด่งดัง ไม่ว่าจะเป็น Love O2O (เวยเวย เธอยิ้มโลกละลาย) , Boss & Me ขุนให้อ้วนแล้วชวนมารักกัน เป็นต้น รีวิว You Are My Glory
เรื่องย่อ
สร้างจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ กู้ม่าน (顾漫) นำแสดงโดย หยางหยาง และ ตี๋ลี่เร่อปา บอกเล่าเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของ เฉียวจิงจิง ซูเปอร์สตาร์สาวยอดนิยมและ อวี๋ถู นักวิศวกรการบินอวกาศสุดหล่อที่เส้นทางชีวิตของทั้งคู่ดูไม่น่าจะมาบรรจบกันได้เลย
ช่วงนี้หากใครเป็นแฟนซีรี่ส์จีน จะเห็นภาพของหยางหยาง และ ตี๋ลี่เร่อปา เต็มฟีดไปหมด เพราะความฟินเกินลิมิตของซีรี่ส์เรื่องนี้ สำหรับผู้เขียนต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ เคมีพระนางทั้งหล่อและสวยสมกันไม่พอ เนื้อเรื่องยังดำเนินเรื่องได้ดี คือ ตัดคำว่า ‘น่าเบื่อ’ ทิ้งไปได้เลยในพจนานุกรมของการดูซีรี่ส์เรื่องนี้
อีกหนึ่งซีรี่ส์จีนที่แฟนๆ รอคอย เพราะได้พระเอก และนางเอก ที่หล่อสวย ระดับท็อปของวงการ อย่าง หยางหยาง และ ตี๋ลี่เร่อปา ทั้ง 2 ฝากผลงานที่แฟนชาวไทยยากจะลืมไว้อย่างมากมาย อย่าง Love O2O (เว่ยเว่ย เธอยิ้มโลกละลาย)
และ The King’s Avatar (เทพยุทธ์เซียนกลอรี่) ของหยางหยาง ที่เป็นซีรี่ส์เกี่ยวกับเกมทั้งนั้น และเรื่องนี้ก็ยังมีเรื่องเกมอยู่เช่นเดิม ส่วน เร่อปา ก็คงไม่หนี สามชาติสามภพป่าท้อสิบลี้ ทั้ง ภาค 1 และ 2
เนื้อเรื่อง
บปีก่อน เฉียวจิงจิงไม่คิดว่าตัวเองจะส่องประกายเป็นดาวได้ แต่ถึงเธอจะสวยน่ารัก ผู้ชายที่เธอชอบกลับไม่รู้และไม่เคยสังเกตเห็นเธอเลยแม้แต่น้อย... เฉียวจิงจิง ซูเปอร์สตาร์สาวมืออาชีพ ทำงานหนักมาก แอบชอบเพื่อนสมัยเรียนมาเป็นสิบปีและไม่เคยลืมเขา
แต่ในระหว่างระยะเวลาสิบปี เธอก็ยังใช้ชีวิตปกติ ยังมีแฟน ยังหวังว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยปราศจากผู้ชายคนนั้น อวี้ทู่ หรืออวี้ต้าเสินแห่งโรงเรียนมัธยม เขามีความฝันที่จะเป็นวิศวกรการบินและอวกาศ แต่ครอบครัวอยากให้เรียนเกี่ยวกับการเงิน
แม้จะเรียนตามครอบครัวชี้นำ แต่กลับเลือกเรียนต่อและทำงานในหน่วยงานด้านการบินและอวกาศแห่งชาติ ระหว่างเรียนเขาได้คบหาผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่กี่ปีก็เลิกกัน ทั้งสองคนพบกันอีกครั้งในโลกออนไลน์ ในเกม King of Glory
การดำเนินเรื่อง
พล็อตเรื่องดูเป็นนิยาย แน่ล่ะ มันนำมาจากนิยาย แต่บอกเลยว่าเลือกนักแสดงนำมาได้ปังมาก เพราะตี๋ลี่เร่อปาเหมือนเล่นเป็นตัวเอง เพราะชีวิตจริง เฉียวจิงจิงก็คือตี๋ลี่เร่อปา สวย น่ารัก ใส่ชุดอะไรก็คือดีงามมาก
แล้วอวี๋ถูคือ เหมาะกับบทหยางหยางมาก หนุ่มหล่อขรึม สูงยาวเข่าดี ดูใจดีอบอุ่น เคมีคือ ชวนกรี๊ดสุด นักแสดงสมทบอย่างแฟนเก่าของทั้งคู่ที่ดูมั่นหน้า แต่ไม่หนักใจว่าจะมาเป็นอุปสรรคใด ๆ เพราะบอกเลยว่าคนดูไม่ไขว้เขวแน่นอน เคมีของทั้งคู่ทำลายล้างเสียขนาดนั้น!
เปิดเรื่องมาที่ สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติ “อวี๋ถู” พระเอกของเรากำลังประชุมเครียด เรื่องโครงการสร้างจรวดสำรวจอวกาศของจีน ยอมรับเลยว่า 4 นาทีแรกนี่คิดว่าหนังสารคดี ผมเคยดูไปนาทีแรกแล้วต้องลุกไปทำธุระ เชื่อไหมว่า...ทิ้งไปเลย
หลายวันให้หลังถึงกลับมาเริ่มดูหนังออนไลน์ใหม่ แต่พอเข้านาทีที่ 5 เปิดตัวนางเอก “เฉียวจิงจิง” บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่ก็ยังยอมรับว่า 2-3 ตอนแรกก็เป็นการปูเนื้อเรื่อง แล้วก็เผยตัวตน(บางด้าน) ตัวตัวละครออกมาให้เราได้เห็นแหละครับ
ตรงนี้จะมีการพูดถึงแบ็คกราวการใช้ชีวิตของตัวเอก และก็เกมมือถือสุดฮิตอย่าง Honor of Kings หรือ ROV ในบ้านเรานี่แหละ ถ้าจะถามว่าน่าเบื่อ หรือว่าไม่อินกับเกมจะดูไม่รู้เรื่องไหมต้องบอกว่าไม่เกี่ยวครับ บรรยากาศของละคร
หรือสิ่งต่างๆ ที่เสริมเข้ามาไม่ว่าจะเป็น เพื่อนพระเอกที่มีนิสัยโอเวอร์แอ็คติ้งนิดๆ ทำให้มีฉากขำๆ พอยิ้มได้ หรือแม้แต่นางเองที่ก็ไม่รู้เรื่องเกมเหมือนกัน แต่อาศัยความน่ารักแบบล้นๆ มาดึงดูดสายตาของคนดู แล้วให้พระเอกค่อยๆ สอนไปด้วยหน้าตาหล่อๆ แบบวัวตายควายล้ม นั่นก็เพียงพอให้วางซีรี่ส์เรื่องนี้ไม่ลงแล้ว
ในเรื่องของเกม
ต้องแอบกระซิบว่าด้วยความที่ซีรีส์เป็นเรื่องเกมเมอร์ E-sport โปรดักชั่นเกม King of Glory คืออลังการงานสร้าง ภาพสวยชวนอยากไปเล่นด้วยเลย แอบโปรโมทเกมไปในตัวถือเป็นความฉลาดของซีรีส์ฝั่งจีนที่หยิบเอาเรื่องราวของ E-sport เข้ามาใส่ในเรื่องนิยายจนสร้างมาเป็นซีรีส์ชวนให้วงการเกมปังเข้าไปอีก ยังไม่เท่านั้น....
ในเรื่องยังมีเรื่องของฝ่ายอวกาศ หรือกิจการอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) หากเราพูดถึงเรื่องนอกโลกมักจะนึกถึงนาซ่า ( NASA ) ของอเมริกา แต่จริง ๆ จีนนั้นขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจและขยันขันแข็งทุ่มทุนมหาศาล สนับสนุนกิจการด้านอวกาศจนหนังหลาย ๆ เรื่องก็จะเห็นว่า CNSA ของจีนเข้าไปเป็นส่วนร่วมในชาติมหาอำนาจ
การให้น้ำหนักของเกม หรือช่วงวิชาการก็วางได้ดี อย่างช่วงเกมพอผ่านไปสักพักก็เริ่มเฟสลง แม้จะมีการพูดถึงเกมจนถึงกลางๆ เรื่องก็ตาม แต่หลังจากตอนที่ 5 ผมคนดูน่าจะเริ่มเข้าใจส่วนสำคัญๆ ของเกมในละครได้แล้ว และด้วยที่บทปูไว้ให้เราไปโฟกัสที่แนวคิดหรือมุมมองของตัวละครมากกว่า
ทำให้คนดูไม่รู้สึกดรอปแน่นอน เอาจริงๆ ช่วงต้นเรื่องนี่ตัวละครถือว่ามีการพัฒนาที่เร็วมากเหมือนกันครับ แต่ละคนค่อยเปลี่ยนแนวคิด คำพูดคำจาให้เผยถึงตัวตนจริงๆ ของตัวละครนั่นๆ มากขึ้นเลยๆ และนั่นก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนดูเริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเป็นแถวๆ
ดราม่ามีเล็กน้อย
หลังจากนั้นละครก็พาเราไปหาดราม่าเล็กน้อย แต่คงไม่อยากทำร้ายคนดูจนเกินไป จึงทำให้เรื่องดราม่านั้นมีหนักจริงๆ แค่ 2-3 ตอน แต่ช่วงนั้นก็เผยให้เราเห็นถึงแนวคิดของนางเอกที่ผมว่าดีมากๆ
ซึ่งก็คือนางเอกเป็นคนที่รักใครรักจริง ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย นอกจากเรื่องเดียวคือ “อยากเป็นแฟนกับคนที่ รักฉันไม่น้อยกว่าที่ฉันรักเขา” แค่นั้น
โรแมนติกคอมเมอร์ดี้!
พอจบเรื่องดราม่า ก็เข้าสูงช่วงโรแมนติกคอมเมอร์ดี้จริงๆ แบบเต็มอิ่มเลย ตัวละครเกือบทุกตัวเผยให้เห็นบุคลิกใหม่แทบทั้งหมด โดยเฉพาะพระเอกของเรา หลังจากที่ประกาศว่า “ต่อไปนี้ผมจะริ่มรุกแล้วนะ” ก็ใส่เต็มไม่มียัง
กลายเป็นคนร้ายๆ ที่ขยันหยอดกันรัวๆ ตรงนี้รู้เลยว่าผู้แต่งน่าจะเอาใจคนดูมากๆ เซอร์วิสแหละดูออก คนดูก็เบาหวานขึ้นตา จิกหมอนขาดกันไป ซึ่งบทพูด ทั้งตอนหยอด ทั้งต้องยิงมุข ที่ถึงมากๆ จัดว่าเฉียบ!
จุดที่ชอบ
การดำเนินเนื้อเรื่องถือว่ารวดเร็ว ตอนแรกพระนางก็มาเจอกัน(บนโลกออนไลน์) ประเด็นในเรื่องถือว่าเข้าใจง่าย นางเอกฝึกเล่นเกมและหาโค้ชเก่ง ๆ มาสอนซึ่งก็คือพระเอกที่ดันเป็นรักในวัยมัธยม เข้าทางสาวจิงจิงเลย
พอมาเจอกันก็มีความน่ารัก นางเอกก็แอบมีความหาวิธีจะได้เข้าใกล้ แอบช่วยเหลือห่าง ๆ อารมณ์เจอหนุ่มที่แอบชอบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คือ ปณิธานแล้วว่า เขาต้องเป็นของชั้น! คือน่ารักจริง ๆ จ้า
อีกอย่างที่ชื่นชอบคือ เรื่องของเกมที่ใส่มาพอให้กรุบกริบ ดีกว่ามานั่งเล่นเกมอย่างเดียว มีหลายปมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ ชีวิตส่วนตัว อนาคต รวมไปถึงความจริงที่พระเอกมักจะคิดเสมอว่าเขานั้นเหมาะสมกับนางเอกหรือไม่ ถือเป็นซีรีส์ที่ใส่อะไรเข้ามาเยอะมาก แถมภาพยังสวย ดูแล้วละมุน บอกเลยว่ามีดีกว่าแค่พระนางหล่อสวยน่ะทุก ๆ คน
โดยรวม
จริงๆแล้ว ตัวซีรี่ย์ Netflixยังมีความแปลกอีกเล็กน้อยคือ จริงๆ แล้วซีรี่ส์สามารถจบได้ตั้งแต่ตอนที่ 21 แบบว่าซีนสุดท้ายของตอนนั้น ถ้าให้เป็นตอนจบก็เป็นตอนจบที่ดีได้เลยแหละ แต่ตอน 22 ที่เปิดมาผู้กำกับก็ยังใช้สถานที่เดิมจากตอนที่ 21 เป็นตอนซึ่งก็ทำให้ตัวซีรี่ส์เชื่อมกันได้ดี
จากที่ฟังคนที่อ่านนิยายมาก่อนเขาบอกว่าในนิยายนี่ ตั้งแต่ตอนที่ 22 ไปเหมือนเป็นตอนพิเศษมากกว่า เพราะมันจะเล่นเรื่องราวเป็นช่วงๆ จนเป้าหมายสูงสุดของพระเอกสำเร็จซึ่งก็คือการส่งจรวจที่ตัวเองร่วมวิจัยมากว่า 10 ปีสู่อวกาศได้สำเร็จ
แต่ผมบอกได้เลยว่าตั้งแต่ตอนที่ 22-32 นี่ไม่ว่าคุณจะ ยิ้ม หัวเราะ หรือเสียน้ำตา ก็ล้วนมาจากความปลื้มปิติ และประทับใจในฉาก หรือเนื้อเรื่องทั้งนั้น ไม่มีดราม่างี่เง่าๆ ให้เสียอารมณ์ บรรยากาศเปลี่ยนไปเป็นแบบสบายๆ มากขึ้น ตัวละครออกลวดลายได้เต็มที่
และนักแสดงก็เล่นได้สมจริงและเป็นธรรมชาติมากๆ ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้ดูจะรู้ได้ว่าบางฉากเกิดจากความไม่ตั้งใจจริงๆ แต่ปฏิกริยาของนักแสดงกับสิ่งที่เกิดขึ้นนอกบทนั้นมันดีมากจนไม่ถูกตัดออกครับ และตอนนี้นี่ก็เป็นซีรี่ส์เรื่องแรกของปีนี้ที่ผมเก็บไว้แล้ว…
สรุป
พูดได้เลยว่าซีรี่ส์เรื่องนี้นั้น พระเอกกับนางเอกไม่ได้มีดีแค่หน้าตา การแสดงสีหน้า หรืออารมณ์ทำได้ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมาก และยิ่งพอได้บทที่เรียบเรียงมาอย่างดี ยิ่งทำให้คนดูรู้สึกอินกับละครไปได้อย่างไม่ยากเลย
ตัวละครของทั้งพระเอกและนางเอกก็ถือว่ามีมิติอยู่ไม่น้อย พระเอกเป็นคนเรียนเก่ง กีฬาเด่น หน้าตาดี วางตัวดี มีอุดมการณ์ ทำอะไรก็เก่งไปหมด ยกเว้นทำอาหาร แต่มีฉากหลังเป็นคนที่ขี้อำ ขี้แกล้งสุดๆ
ส่วนนางเอกก็ถือว่า สวย ฉลาด ทันคน มีไหวพริบ และทัศนคติที่ดีมากๆ ชอบคือชอบ อยากทำอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องไม่ดีทำ (ขนาดเป็นดาราเบอร์ใหญ่ยังเปิดฉากรุกจีบพระเอกก่อนอะคิดดู) แต่ก็ยังขี้อำเหมือนกัน แล้วเมื่อคนขี้อำมาเจอกัน ความป่วนก็เลยเกิดขึ้น เรียกว่าการรวมหัวกันอำคนอื่น หรืออำกันเองนี่มีตลอดเรื่อง
เรื่องนี้ไม่มีพระรองเด่นๆ มาแย่งซีนเหมือนละครโรแมนติกทั่วๆ ไป คุณจะได้ดื่มด่ำกับความน่ารัก และความเท่ ของพระเอกนางเอก แบบเต็มๆ ตลอดเรื่อง เพื่อนพระเอก เพื่อนนางเองมีไว้มาตบมุข หรือให้ตัวเอกแกล้งเล่นเท่านั้น ดราม่ามีน้อยมาก ดูเพื่อความบันเทิง
และความฟินล้วนๆ เพราะตอนที่ตัวเอกคบกันแล้ว งานของทั้งคู่ทำให้นานๆ ถึงจะได้เจอกันที พอเจอกับปุ๊บฉากเซอร์วิสก็มาปั๊บเรียกว่าศพสีชมพูเกลื่อนหน้าจอเลยล่ะ
เพลงเพราะ ดนตรีประกอบเหมาะสม CG ก็ไม่ธรรมดา แม้จะมีแค่ช่วงแรกๆ ที่เป็นฉากเล่นเกมของพระเอก กับนางเอกนั่นแหละ ภาพสวย วิวดี สรุปว่าดีทุกจุด แทบไม่มีข้อติเลย ผมรับประกันได้เลยว่าถ้าคุณนั่งดูตอนที่ 1 จนผ่านครึ่งตอนไปได้ (ประมาณ 20 นาที) ตอนที่เหลือมันจะตามมาแบบมีเท่าไหร่ก็ไม่พอครับ
Comentarios