รีวิว The Queen’s Gambit - เกมกระดานแห่งชีวิต
หมากรุก เกมกระดานที่ใช้ทั้งสติปัญญาและไหวพริบแถมการลุ้นกับการแก้เกมหมากแต่ละกระดานก็นับเป็นความสนุกของทั้งผู้เล่นและผู้เชียร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่ผ่านมามีหนังที่กล่าวถึงกีฬาหมากรุกทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และการต่อสู้ของมนุษย์อยู่บ้าง ทว่าสำหรับซีรีส์แล้วแทบนับได้เพียงหยิบมือ แต่ในวันนี้มีลิมิเต็ดซีรีส์อย่าง The Queen’s Gambit หรือเกมกระดานแห่งชีวิตที่เอาหมากรุกมาเป็นไฮต์ไลต์สำคัญของเรื่องราวและเกี่ยวพันกับชีวิตตัวละครได้อย่างน่าสนใจ รีวิว The Queen’s Gambit
เรื่องย่อ
เล่าเรื่องราวของเด็กสาวกำพร้านามว่า ‘เบธ’ หรือ เอลิซาเบธ ฮาร์มอน (Elizabeth Harmon) ที่ถูกส่งตัวไปอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า เรื่องราวน่าสลดของเด็กสาวพูดน้อยผู้ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนต้องพลิกผันอีกครั้งเมื่อเบธมีโอกาสได้รู้จักกับหมากรุกเป็นครั้งแรกผ่าน ‘ไชเบล’ ภารโรงเฒ่าคนหนึ่งได้หัดให้เธอเล่นหมากรุก การได้สัมผัสหมาก พาเบี้ย ม้า เรือ คิง และควีนเดินบนกระดาน ทำให้ตัวเองกับไชเบลรู้ถึงพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิดที่กำลังรอวันจะได้เฉิดฉาย
การเล่นหมากรุกไม่ใช่แค่จับหมากย้ายไปมาบนกระดาน แต่ยังต้องพึ่งพาการคิด วิเคราะห์ การจำ การประเมินเพื่อคาดเดาฝ่ายตรงคาด และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็ว หลายคนหลงใหลการเล่นหมากรุก ดำดิ่งจนกลายเป็นเซียน
ทว่าก็มีหลายคนที่มองว่าหมากรุกเป็นเรื่องน่าเบื่อที่เข้าถึงยากเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น ซีรีส์เรื่อง The Queen’s Gambit ก็สามารถพาคนที่หลงใหลการเล่นหมากรุกจนหมดใจกับคนที่ไม่สนหมากรุกมาก่อนได้มาพบกัน
ซีรีส์ทำมาจากนิยายเก่าแก่ของนักเขียนวอลเตอร์ เทวิส ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1983 และมีความพยายามนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง จนเกือบสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างโดยมี ฮีธ เลดเจอร์ ร่วมงานสร้างด้วยกับ เอลเลน เพจ ที่ถูกวางตัวเป็นนางเอกของเรื่อง
แต่แล้วโปรเจ็กต์ก็ถูกระงับไปหลังการเสียชีวิตของ ฮีธ เลดเจอร์ จนโครงการถูกย้ายมาอยู่ในมือของ Netflix และก็ได้ Scott Frank ทำหน้าที่เป็นนักเขียน ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้าง ซีรีส์ 7 ตอนจบ โดยมี อันยา เทย์เลอร์ จอย นักแสดงวัยรุ่นดาวรุ่งชื่อดังมาเล่นเป็นนางเอก
เนื้อเรื่อง
ซีรีส์เดินเรื่องอยู่ในช่วงยุค 1960 ที่รัสเซียยังเป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัว และก็เป็นคู่แข่งในหลายๆ ด้านกับสหรัฐอเมริกาที่กังวลกับการแพร่ขยายตัวของคอมมิวนิวนิสต์ในเวลานั้นอยู่ด้วย ทำให้ไม่ว่าอะไรก็ตามทางอเมริกาต้องพยายามเหนือกว่าให้ได้ ไม่เว้นแม้แต่หมากรุกสากล ที่ทางรัสเซียเหนือชั้นกว่ามาก
ถึงขั้นที่ว่าครองแชมป์โลกอันดับต้นๆ หมด ทางอเมริกาไม่เคยมีใครสู้ได้มาก่อนเลย ซึ่งเรื่องราวในเรื่องนี้นางเอกคือ เด็กกำพร้าที่มีพรสวรรค์ในการเล่นหมากรุก และพยายามไต่เต้าขึ้นไปแข่งกับแชมป์โลกของรัสเซียให้ได้ด้วยตัวเอง โดยมีอุปสรรคใหญ่คือ สภาพจิตใจในวัยเด็กที่ต้องเจอเรื่องสะเทือนใจที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับแม่
แต่เธอกลับรอดมาแบบปาฏิหาริย์ และถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่เธอได้เจอกับภารโรงที่ชื่นชอบหมากรุกในชั้นใต้ดิน และสอนเธอหลายอย่างจนกลายเป็นเซียนหมากรุกในวัยเด็กเพียง 9 ขวบ แต่เบื้องหลังความเก่งของเธอก็ต้องพึ่งยาระงับประสาทที่กินจนเสพติดพร้อมเหล้า ที่คอยบั่นทอนชีวิตการเป็นนักหมากรุกระดับโลกของเธอทุกครั้งที่เข้าใกล้ความสำเร็จ
การดำเนินเรื่อง
“กระดานหมากคือโลกทั้งใบที่ถูกย่อส่วนให้เหลือ 64 ช่อง โลกที่ฉันควบคุมมันได้ ปกครองมันได้ และเดาทางได้”
ตัวเรื่องเน้นหนักไปที่ชีวิตของเบธในด้านที่แม้มีพรสวรรค์มาก แต่กลับติดยาเพื่อช่วยให้เธอสงบจิตใจได้ และต่อมาก็เพิ่มเหล้าเข้าไปด้วย จนกลายเป็นเลิกทั้งสองอย่างไม่ได้ ซึ่งเรื่องราวดราม่าในส่วนนี้จะเยอะมาก แทบจะเป็นเมนหลักของเรื่องมากกว่าการแข่งหมากรุกด้วยซ้ำ โดยทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิตที่เข้าใกล้ความสำเร็จ
กลับต้องกลายมาเละเทะเพราะเรื่องนี้ทุกที จนดูน่าเบื่อบางช่วงเหมือนกันที่เรื่องปูให้ลุ้นๆ กับการแข่งหมากรุก แต่กลับจบด้วยปัญหาติดเหล้าติดยาทำพังอยู่เรื่อย จากปมปัญหานี้เองที่ทำให้ตัวเรื่องลากยาวเป็นซีรีส์ได้ แต่ก็ทำให้การเดินเรื่องดูซ้ำน่าเบื่อในช่วงหลังๆ และรู้สึกเฟลเพราะกำลังลุ้นๆ จะได้เห็นฉากการแข่งหมากรุกที่สนุก แต่กลับถูกตัดจบง่ายๆ ด้วยเรื่องนี้แทน
ดราม่าอีกอย่างของเรื่องคือการที่เธอเป็นเด็กกำพร้า แม้จะถูกอุปการะไปในช่วงวัยเด็ก แต่กลับเจอครอบครัวที่มีปัญหาด้านการเงินในเวลาต่อมา และพ่อเลี้ยงก็ทิ้งเธอให้อยู่กับแม่ที่ไม่มีอาชีพอะไรติดตัว ทำให้เธอกลายเป็นคนหาเลี้ยงแม่แทน
แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต ก่อนจะพบกับเรื่องเศร้าในเวลาต่อมา และก็ทำให้เธอต้องพึ่งพาตัวเองหาเงินเอาชีวิตรอดจากการแข่งหมากรุกได้เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังไม่วายมาเจอปัญหากับพ่อเลี้ยงอีกครั้ง
และการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ก็ทำให้เธอเหงาจนต้องเปิดรับเพื่อนชายนักแข่งหมากรุกด้วยกันเข้ามาในชีวิต กลายเป็นชีวิตแบบ one night stand สนุกแบบชั่วคราวเรื่อยๆ จนดูเป็นสาวกร้านโลกในตอนหลัง แม้จะมีคนที่ชอบเก็บไว้ในใจตลอดเวลาก็ตาม
ปมปัญหาต่างๆ
แม้ปมปัญหาดราม่าชีวิตนางเอกจะเยอะหลายเรื่อง แต่พอถึงฉากเกี่ยวกับหมากรุกทั้งในจินตนาการและการเล่นจริง ตัวเรื่องทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งกดดัน เร้าอารมณ์ สนุก ไปกับสีหน้าท่าทางของนางเอกที่สนุกกับการขยี้คู่แข่งลงอย่างราบคาบ
โดยมีประเด็นเฟมินิสต์ของวงการหมากรุกที่ให้ความสำคัญแต่ผู้ชายมากกว่า จนดูเหมือนนางเอกเป็นผู้หญิงที่ชนะผู้ชายได้และก็โด่งดังจากเรื่องนี้มากกว่าฝีมือจริงๆ ผสมกับบุคลิกดูหยิ่งทะนงอยู่ตลอดเวลาของนางเอกว่าตัวเองเก่งที่สุด เป็นคนที่คิดแต่ชนะเพียงอย่างเดียวไม่แม้แต่ยอมเสมอกับใคร
แต่ในเรื่องก็มีความพ่ายแพ้เกิดขึ้นด้วย ซึ่งแทบจะตลอดเวลาในการแข่งกล้องจะโคลสอัพไปที่หน้าตาของตัวนักแสดง อันยา เทย์เลอร์ จอย ใบหน้ากับตาโตๆ ของเธอไม่ว่าอารมณ์ไหนก็สวยเด่นสะกดผู้ชมได้ตลอดเวลา รวมถึงนักแสดงตอนเด็กเองก็เล่นได้ยอดเยี่ยม
ทั้งหน้าตา ท่าทาง ประสานกับนางเอกตอนโตเหมือนเป็นคนเดียวกันได้เลย แต่ช่วงเวลาที่กระโดดจากตอนเด็กไปตอนโตอาจจะแปลกๆ สักหน่อยเพราะตัวเรื่องเล่นข้ามไปหลายปีทันทีหลังจบตอนแรก และตัวอันยาเองก็อายุ 24 ปีแล้ว แต่ต้องมาเล่นแบบปรับทรงผมท่าทางให้เหมือนเด็กวัยรุ่นต้นๆ ก่อนจะค่อยๆ โตตามช่วงเวลา จนเหมาะสมกับอายุนักแสดงจริงในภายหลัง
การเล่นหมากรุก
ฉากการเล่นหมากรุกในจินตนาการของนางเอกจะเป็นกระดานกลับหัวบนเพดานห้อง ซึ่งทำออกมาได้น่าทึ่งมาก แม้จะไม่ได้เป็นฉากที่มีเรื่องการแพ้ชนะ แต่ทุกครั้งที่นางเอกจินตนาการถึงเกมกระดานในหัว ซึ่งคู่ไปกับการใช้ยาระงับประสาทร่วมด้วย ฉากพวกนี้ดูทรงพลังจนเป็นเหมือนฉากโชว์ความสามารถเหนือมนุษย์ของนางเอกไปเลย
ส่วนในเกมการเล่นจริง ตัวเรื่องจะค่อยๆ ปูศัพท์ความรู้ในการเล่นหมากรุกแข่งขันเข้ามาให้ผู้ชมทราบ ตั้งแต่นาฬิกาจับเวลา ช่องแต่ละช่องมีชื่อ กฎการเบรคเกมไว้แข่งต่อวันอื่น หรือการยื่นขอเสมอกันเพื่ออะไร เทคนิคการเดินหมากต่างๆ อย่างดูหนังฟรี The Queen’s Gambit ชื่อเรื่องก็เป็นแบบหนึ่ง
ซึ่งตัวเรื่องทำออกมาได้ดี ใช้ทุกอย่างที่มีในเกมจริงๆ มาเป็นฉากสนุกๆ ของเรื่อง รวมถึงเบื้องหลังการเป็นนักแข่งอาชีพต้องมีความรู้อะไรบ้าง อย่างการทบทวนกระดานของตัวเองที่ชนะไปเพื่อหาช่องโหว่ การอ่านหนังสือวิเคราะห์หมากต่างๆ ประวัติแชมป์หมากรุกดังๆ ระดับแกรนมาสเตอร์ หรือพวกนิตยสารวงการหมากรุกต่างๆ ซึ่งตัวเรื่องสอดแทรกรายละเอียดของอาชีพนักหมากรุกไว้ครบถ้วน
ส่วนการแข่งของนางเอกนอกจากอารมณ์ลุ้นกดดันตามเกมปกติ ยังมีการแข่งแบบดวลหลายกระดานพร้อมกัน อย่างตอนแรกที่นางเอกวัย 9 ขวบเจอ 1 ต่อ 10 หรือการแข่งเดินหมากรุกไวที่ต่างออกไปจากการแข่งปกติที่มีเวลาให้คิดเยอะ แถมยังมีโชว์เหนือแข่งหลายกระดานพร้อมกันอีก
จนถึงฉากสุดท้ายของเรื่องที่หนังใหม่ชนโรงถ่ายทำในรัสเซียแบบย้อนยุคไปช่วงปีนั้นจริงๆ ซึ่งการแข่งขันในยุคนั้นมีคนติดตามผ่านวิทยุเป็นหลัก และก็เหมือนเป็นเดิมพันหน้าตาของประเทศอเมริกากับรัสเซีย ซึ่งตัวเรื่องทำฉากต่างๆ ออกมาได้สมจริงมากกับบรรยากาศการแข่งที่ยิ่งใหญ่ต่างจากการแข่งในอเมริกามาก (คนรัสเซียบ้าหมากรุกมากที่สุดในโลก)
และยังทำให้เราลุ้นสนุกไปกับเกมสุดท้ายที่สูสีคู่คี่กันมากๆ โดยมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวนิดๆ พอให้เข้าใจได้ว่าเกมนี้สำคัญต่อทั้งสองประเทศในแบบไหนในยุคสมัยนั้น
จุดที่ชื่นชม
ซึ่งต้องชื่นชมการแสดงที่เข้าขาทั้ง ไอสลา จอห์นสตัน ที่รับบทเบธวัยเด็กและบิล แคมป์ ที่รับบทมิสเตอร์ไชเบล ที่ช่วยปูอุปนิสัยและแสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นประหนึ่งพ่อลูกของทั้งคู่จนมันแข็งแรงพอที่จะเสริมส่งปมขาดความรักจากพ่อที่พาให้เราสะเทือนใจกับเบธได้ในฉากที่เธอเริ่มตกต่ำ
ตลอดจนชื่นชมยินดีและลุ้นสุดตัวในฉากแข่งหมากรุกแต่ละฉากที่แม้แต่ฉากแข่งหมากรุกในโรงเรียนหรือวิทยาลัยเล็ก ๆ ซีรีส์ก็ยังทำได้น่าตื่นเต้นมากเลย
ด้านคุณภาพของงาน
และก่อนจะไปพูดถึงการแสดงของ “น้องจอย” ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คืองานสร้างของหนังที่ดูแพงดูตั้งใจไม่ปลอมทั้งงานคอสตูมที่จัดเต็มให้น้องจอยจนแทบจะเปลี่ยนโต๊ะหมากรุกเป็นรันเวย์อยู่มะรอมมะร่อ และงานศิลป์ของเรื่องตั้งแต่พรอบอย่างหมากรุกแต่ละแบบ โต๊ะหมากรุก การจัดทัวร์นาเมนต์แข่งหมากรุกตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปถึงสนามใหญ่อย่างปารีสและมอสโควที่เป๊ะมาก
ซึ่งโชคดีมากที่ซีรีส์ลงสตรีมในระบบภาพแบบ Dolby Vision ที่ให้สีสันที่น่าตื่นตาตื่นใจชนิดที่ว่าฉากมืด ๆ ก็ยังเห็นดีเทล ส่วนฉากสว่าง ๆ อย่างดอกไม้ ต้นไม้ริมทางนี่สวยมาก ๆ ครับ เปิดลองทีวีกันได้เลย
โดยรวม
บอกตามตรงว่าไม่ได้คาดหวังกับ 7 ตอนของลิมิเต็ดซีรีส์นี้ว่ามันจะสนุกตลอดเวลา แถมยังจินตนาการไปว่ามันน่าจะมีภาวะงง ๆ ตามประสาหนังหรือซีรีส์ที่มีตัวละครมีอาการทางจิต แต่ผิดคาดมาก ! สก็อต แฟรงค์ ที่กำกับและเขียนบทร่วมกับอลัน สก็อต กลับผูกปมจากนิยายของ วอลเธอร์ เทวิส ได้อย่างเข้มข้น
แม้กระทั่งตอนแรกที่มันแทบมีฉากเล่นหมากรุกแบบนับซีนได้ ซีรีส์ก็ยังจับหัวใจเราให้จดจ่อกับ เบธ ในวัยเด็กได้อย่างไม่วางตาทั้งด้วยปมปัญหาเรื่องยา ความสัมพันธ์กับภารโรงอย่าง มิสเตอร์ไชเบล
สรุป
นี่เป็นลิมิเต็ดซีรีส์เกี่ยวกับกีฬาหมากรุกที่สนุกมาก และสำหรับแฟนๆ ที่ต้องการมาดูนางเอก อันยา เทย์เลอร์ จอย นี่ก็อิ่มจนจุกแน่นอนเพราะบทเป็นของเธอทุกฉากตลอดเวลา ไม่ได้เป็นซีรีส์ที่แตกย่อยมีเรื่องของตัวละครอื่นเลย เรียกว่าแค่มาดูน้องคนเดียวก็คุ้มค่ามากแล้วครับ
แถมตัวเรื่องยังทำออกมาโชว์เหนือจากความสามารถของนางเอกที่เก่งแบบฟ้าประทาน แต่ก็ไม่ได้จะชนะเสมอไป ทำให้เราได้ลุ้นกันตลอดทุกเกมสำคัญที่เกิดขึ้นในเรื่อง ประหนึ่งเป็นผู้ชมที่ยืนดูข้างโต๊ะเลยทีเดียว
Comments