รีวิว The I-Land - ดิ ไอแลนด์
ช่วงนี้กระแสของซีรีส์เรื่อง ‘เคว้ง’ Original Netflix เรื่องแรกของไทยยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างหนาหู วันนี้เราก็เลยอยากจะมาแนะนำอีกหนึ่งซีรีส์แนว Survival บนเกาะร้างสุดลึกลับ ซึ่งที่จริงแล้ว ‘THE I-LAND’ ก็เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ถูกปล่อยสตรีมมิงอยู่บนหน้าหลักของ Netflix มาสักพักแล้วเหมือนกัน แต่มันกลับไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงในวงกว้างสักเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่พล็อตเรื่องและภาพโปรโมตนั้นมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และจะเป็นเพราะสาเหตุอะไรนั้น? คงต้องขอให้ทุกคนติดตามอ่านบทความนี้ให้จบแล้ว รีวิว The I-Land
เรื่องย่อ
เล่าเรื่องราวของคน 10 คนที่ตื่นขึ้นมาบนเกาะร้างไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต โดยที่ทุกคนนั้นจะมีของติดตัวมาเพียงคนละ 1 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นมีด ขวาน หรือแม้กระทั่งหอยแตรสังข์! ที่สำคัญทุกคนจะมีอาการ ‘ความจำเสื่อมชั่วคราว’ ที่ทำให้พวกเขาจำเรื่องราวในอดีตหรือแม้กระทั่งชื่อของตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อย
ความมึนงงสับสนและอุปนิสัยที่แตกต่างกันแบบสุดขั้ว ทำให้พวกเขาต้องทนอยู่ร่วมกันโดยไร้ซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจ และต้องพยายามช่วยกันปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อเอาชีวิตรอดจากเกาะนี้ให้ได้ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นมากมายก็ตาม
ช่วงนี้กระแสของซีรีส์เรื่อง ‘เคว้ง’ Original Netflix เรื่องแรกของไทยยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างหนาหู วันนี้เราก็เลยอยากจะมาแนะนำอีกหนึ่งซีรีส์แนว Survival บนเกาะร้างสุดลึกลับ ซึ่งที่จริงแล้ว ‘THE I-LAND’ ก็เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ถูกปล่อยสตรีมมิงอยู่บนหน้าหลักของ Netflix มาสักพักแล้วเหมือนกัน
แต่มันกลับไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงในวงกว้างสักเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่พล็อตเรื่องและภาพโปรโมตนั้นมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และจะเป็นเพราะสาเหตุอะไรนั้น? คงต้องขอให้ทุกคนติดตามอ่านบทความนี้ให้จบแล้ว
เนื้อเรื่อง
เล่าถึงคนแปลกหน้า 10 คนที่ตื่นขึ้นอย่างงุนงงบนเกาะร้างห่างไกล พวกเขาจดจำอะไรไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่บนสถานที่แห่งนี้ พวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทุกอย่างลางเลือนไปหมด พวกเขาต้องค้นหาสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่และจะเอาตัวรอดอย่างไร
แม้ว่าอ่านพล็อตเรื่องแล้วหลายคนอาจจะนึกย้อนกลับไปถึงซีรีส์อย่าง Lost ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเครื่องบินพาณิชย์ตกลงบนเกาะลึกลับและซุกซ่อนปริศนาเอาไว้มากมาย แต่สำหรับ The I-Land นั้นมีความ “คล้ายคลึง” กับซีรีส์เรื่องดังกล่าว แค่เพียง 2 EP แรกเท่านั้น เพราะเหตุการณ์หลังจากนั้น ซีรีส์นี้ได้เฉลยความจริงทันทีว่าทำไมตัวละครเหล่านี้ถึงต้องมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้
เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์และเสียอรรถรสจนมากเกินไป หนังใหม่เต็มเรื่องจะขอเล่าเฉพาะ 2 EP แรกที่ตัวละครตื่นขึ้นมาและแต่งตัวคล้ายๆกันไปหมด พวกเขาสวมชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาว มีป้ายชื่อของแต่ละคนอยู่ที่ปกคอเสื้อ หลังจากเริ่มออกสำรวจเกาะ
พวกเขาก็พบกับสิ่งของอันดูไม่น่าจะมาอยู่บนสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือเกาะปริศนา (The Mysterious Island ของจูลส์ เวิร์น) อาวุธเช่นมีดพก ขวาน หรือกระทั่งหอยแตรสังข์! ยังไม่รวมไปถึงเหตุการณ์ประหลาดที่ฉลามโผล่ขึ้นมาจู่โจมหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่กำลังเล่นน้ำจนหายตัวไปเหลือไว้แค่คราบเลือด
และความฝันอันแปลกประหลาดของเชส (นาตาเลีย มาติเนซ) ที่เธอฝันว่าตัวเองกำลังถือปืนแล้วลั่นไกใส่ผู้หญิงปริศนาจนถึงแก่ความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่นานนักเชสก็เริ่มค้นพบสิ่งของบางอย่างอาทิแพชูชีพ ที่มีกล่องปฐมพยาบาลและกล่องไอเท็มบางอย่างที่ต้องอาศัยรหัสในการเปิด เหตุการณ์น่าฉงนไม่จบลงแค่เพียงเท่านั้น เมื่อพายุฝนเริ่มตั้งเค้าจะพัดถล่มเกาะ บรรดาคนแปลกหน้าจึงเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันจนนำไปสู่เหตุการณ์บานปลายเลยเถิดและเหตุการณ์ฆาตกรรม!
การเล่าเรื่อง
เมื่อยิ่งดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งมีพล็อตรองอื่น ๆ เข้ามาแทรกเยอะมากขึ้นในขณะที่พล็อตเรื่องหลักแทบจะไม่เฉลยอะไร จนความน่าตื่นเต้นกลายเป็นความงุนงงที่คนดูเริ่มตามไม่ทัน และเริ่มจูนกับเนื้อเรื่องไม่ค่อยติดสักเท่าไหร่
ทำให้ช่วงหลังของการดูเรื่องราวทั้งหมดให้หมดนั้น เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นความทรมานเหลือเกินสำหรับการดูซีรีส์สักเรื่อง (จริง ๆ นะ) แถมเนื้อหาที่เริ่มออกทะเลไปเรื่อย ๆ จนเกือบจะได้เป็นจ้าวแห่งโจรสลัดอยู่แล้ว(ฮา) ก็ดันถูกตบกลับมาแบบฉับพลันในตอนท้าย ๆ ของซีซัน
ที่ตอนนั้นใจใจคนดูก็เหนื่อยหน่ายกับเนื้อเรื่องเหลือเกิน ทำให้ช่วงหลัง ๆ ของเรื่องกลายเป็นการสรุปปมและเฉลยที่มาที่ไปของเรื่องราวได้แสนจะเบาหวิว ไร้ซึ่งน้ำหนักของความสมเหตุสมผลใด ๆ ชวนให้นึกถึงเพลงของ The Toy ฉันจะพาเธอลอยยย… ลอยออกทะเลไปเลยอะจ้ะ แหะ
พล็อตเรื่อง
พล็อตเรื่องหนังออนไลน์ไม่ใช่แค่คุ้นๆ แต่เรียกว่าก็อปปี้ซีรีส์ LOST มาเลยดีกว่า ซึ่งลอสทำออกมาตั้งแต่ปี 2004 และก็กลายเป็น 1 ในซีรีส์อันดับต้นๆ ของโลกในยุคนั้น การที่หนังแนวติดเกาะลึกลับแบบ Lost ห่างหายไปนาน ผู้สร้างดิไอแลนด์ก็คงนึกอยากเอาแนวทาง Lost มาทำใหม่ลง Netflix
แต่แทนที่จะพัฒนาต่อยอดจินตนาการจาก Lost ให้ได้ใกล้เคียงหรือทำให้ดีกว่า แตกต่างกว่า แต่กลับกลายเป็นการลอกเลียนแบบเดินตามรอยเป๊ะๆ ตั้งแต่แรก เปิดมาติดเกาะทุกคนความจำเสื่อม มีสิ่งประหลาดๆ ในเกาะ ทุกคนมีประวัติด้านมืดกันหมด ซึ่งถ้าเดินตามรอยเลยก็อาจจะยังดีกว่าสำหรับคนที่ไม่เคยดู Lost ก็คงรู้สึกระทึกน่าติดตามได้อยู่เหมือนกัน
แต่ผู้สร้างคงกลัวว่าจะเหมือนมากไป เลยเปลี่ยนหักลำเฉลยที่มาที่ไปตั้งแต่ตอน 2 แถมเปลี่ยนโลเกชั่นของเรื่องมาในที่ใหม่เป็นห้องทดลอง (ไม่ได้สปอยล์นะครับ เพราะมีใส่ไว้ตั้งแต่ในเทรลเลอร์แล้ว) แถมเรื่องไม่ได้ดำเนินแบบสลับไปมาระหว่างเกาะกับห้องทดลอง
แต่เดินตามนางเอกคนเดียว ซึ่งนางเอกไปอยู่ที่ไหน เรื่องก็โฟกัสไปที่นั่น โดยตั้งใจไม่ให้เหมือน Lost ที่ใช้แฟลชแบ็คตัดฉากเดินเรื่องนอกเกาะอยู่เป็นระยะๆ แต่เรื่องนี้เป็นการเดินเรื่องออกไปนอกเกาะจริงๆ แบบไม่ฉลาดเลย
ที่ให้นางเอกรู้ความลับเบื้องหลังการที่ทุกคนมาติดเกาะตั้งแต่แรก แล้วก็ให้กลับไปที่เกาะเพื่อคลายปริศนา ซึ่งก็แทบไม่มีอะไรซับซ้อนน่าติดตาม เนื้อเรื่องสุดท้ายก็เฉลยมาแบบพื้นๆ อาจจะมีหักมุมนิดๆ
ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว้าวอะไร ดูจบแล้วก็พร้อมลืมไปได้ทันที ไม่มีติดหัวมาให้พูดคุยกันต่อแบบที่ Lost ทำไว้ได้ดีมาก จนแฟนๆ ออกมาวิเคราะห์นอกจอเป็นทฤษฎีต่างๆ นาๆ
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ซีรีส์ที่มากับพล็อตสุดจำเจเรื่องนี้ ไม่เป็นที่โดดเด่นออกมาจากผลงานอื่น ๆ สักเท่าไหร่นั่นอาจจะเป็นเพราะหนังประเภทนี้มีตัวละครเยอะ (10 คน) และมีถึง 10 คาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันไป แต่ดันหยิบเอาจุดเด่นนี้มาใช้งานได้อย่างไม่คุ้มค่า
ทำให้บางตัวละครก็ดูเหมือนจะเสียของ เพราะแทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องใด ๆ คือมีอยู่ให้รู้ว่ามีแต่ดันไม่ถูกใช้ประโยชน์ แถมบางตัวละครก็ดันงี่เง่าน่ารำคาญซะจนอยากจะกดข้ามให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะพูดว่าตัวละครที่ไม่เวิร์กเหล่านี้นั้นมีผลอย่างมากเลยทีเดียวที่ทำให้ตัวเนื้อเรื่องมีความน่าสนใจน้อยลงก็คงไม่ผิด
นอกจากนี้ตัวละครแทบทุกตัวก็มักจะทำตัวลึกลับแบบน่ารำคาญ โดยที่สุดท้ายก็ไม่ได้มีประเด็นสำคัญอะไรแบบเดาได้หมด แถมคาแรกเตอร์หลักๆ ก็ยังลอกสูตรเลียนแบบ Lost มาอีกหลายตัวละคร
แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกน่าติดตามไปกับตัวละครใดๆ เป็นพิเศษเลย แม้แต่ตัวละครสำคัญที่อยู่นอกเกาะก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าลึกลับอะไร เพราะหนังแทบจะเฉลยหมดทุกอย่างตั้งแต่ตอน 2 ขึ้นไป โดยเหลือความลับของนางเอกไว้นิดเดียวเท่านั้น
โดยรวม
The I land เป็นซีรีส์ที่แทบจะไม่ได้ลงทุนอะไรเลย ใช้ฉากเดิมซ้ำๆ หนังเหมือนจะล้ำยุคแต่กลับไม่มีอะไรให้ล้ำยุคตามที่คิด ดูแล้วแทบจะเหมือนซีรีส์ยุคเก่าทุนต่ำ แม้แต่บทก็ยังไม่ได้พัฒนาไปจาก Lost เลยแม้แต่นิดเดียว
เหมือนหนังดูจะงงๆ ตัวเองที่ตอบจบใส่ประเด็นใหญ่โตระดับโลกปิดท้าย แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเรื่องราว นอกเสียจากให้ตัวเอกได้รู้ว่าโลกจริงในปัจจุบันเป็นยังไงเท่านั้น โดยที่ไม่ได้มีการวางไว้ว่าจะทำซีซั่นต่อไปด้วย ซึ่งก็ดีแล้วเพราะถ้าทำต่อคงดันทุรังเอามากๆ
สรุป
สุดท้ายนี้ ‘THE I-LAND’ จึงเป็นซีรีส์ที่สามารถดูคั่นเวลาได้ถ้าหากคุณไม่รู้จะดูอะไร (หรือเอาเวลาไปทำอย่างอื่นก็ได้) หรือจะเปิดทิ้งเอาไว้ให้บ้านไม่เงียบก็ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่แย่เช่นกัน
เพราะถึงแม้ว่าในตอนจบของเรื่อง ตัวซีรีส์เองอาจจะพาตัวละครบางตัวไปส่งถึงอีกฝั่งหนึ่งได้? แต่ในขณะเดียวกันนั้นซีรีส์กลับทิ้งคนดูเอาไว้กลางทางตั้งแต่กลางเรื่องแล้วล่ะ…
Comentarios