รีวิว Sweet Home - สวีทโฮม
จัดเป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เกาหลีตัวท็อปที่มาทิ้งท้ายปลายปีอย่างแท้จริงสำหรับ Sweet Home ซึ่งเป็นธรรมดาว่าต้องถูกคาดหวังไว้สูงจากผู้ (รอ) ชมทั้งหลาย ไม่ว่าจะด้วยเป็นผลงานการกำกับของ อีอึงบก ที่มีผลงานฮิตติดตลาดบ้านเราอย่าง Descendants of the Sun (2016) และ Goblin (2016-2017) รีวิว Sweet Home
เรื่องย่อ
ชาฮยอนซู (รับบทโดย ซงคัง) เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ผู้ใช้ชีวิตอย่างสันโดษและสิ้นหวังหลังจากที่ทั้งครอบครัวของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ฮยอนซูได้ย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ตเมนต์กรีนโฮม และมีความตั้งใจว่าตัวเองจะฆ่าตัวตายในไม่ช้า แต่ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ประหลาดและน่ากลัวขึ้น ซึ่งเขาและเหล่าผู้พักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นจากความโลภภายในจิตใจ
ในที่สุดซีรีส์ Sweet Home ที่หลายๆคนตั้งตารอก็ออนแอร์ให้พวกเราได้ดูกันแบบเต็มๆแล้วเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อดูจบเสียงตอบรับก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 ทางอย่างชัดเจนทั้งคนที่ไม่เคยอ่านเว็บตูนมาก่อนก็จะบอกว่าสนุก ตื่นเต้นมาก!
คนที่ไม่เคยอ่านเว็บตูนแต่เมื่อดูจบกลับรู้สึกไม่สนุกอย่างที่ควรเป็น เนื้อเรื่องยืดเยื้อ และตัดฉากสลับงงๆ และในส่วนที่ 3 คือคนที่เป็นแฟนเว็บตูนมาก่อนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผิดหวังมากเหมือนโดนแฟนหักอกเลยก็ว่าได้
มังฮวาสยองขวัญผลงานอันสุดแสนโด่งดังจากค่าย “Naver” สู่ซีรีส์เกาหลีออริจินัลเน็ตฟลิกซ์ ได้ผู้กำกับสุดเลื่องลือ Lee Eung-Bok มาดูแล โดยผลงานก่อนหน้านี้ของเขาเองก็ไม่ธรรมดา
ซีรีส์ที่เขากำกับขึ้นกระแสยอดฮิตถล่มทลายอย่าง Goblin Mr. Sunshine และ Descendants of the sun ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยผู้ชมในเกาหลีถึง 30.1% เลยทีเดียว น่าสนใจขนาดนี้แล้วลองมาดูกันว่าผลงานเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร?
เนื้อเรื่อง
ซีรีส์ดูหนังออนไลน์ สยองขวัญที่ดัดแปลงสร้างจากเว็บตูนเรื่องนี้ เล่าเรื่องของเกาหลีในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาด จะเรียกว่าเป็นโรคระบาดก็อาจจะใช่ แต่อาการที่เกิดกับพวกเขาไม่เหมือนกับโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในโลกจริง โลกในนั้น อาการของการระบาดมันดูพิลึกพิลั่นกว่า
มันจะเล่าเรื่องราวของ ชาฮยอนซู (ซงคัง จากซีรีส์เรื่อง ) ที่กลายเป็นเด็กกำพร้าผู้ที่ต้องสูญเสียทั้งครอบครัวไปกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ และต้องมาอยู่ใน ‘กรีนโฮม’ อพาร์ตเมนต์โทรมๆ แห่งหนึ่ง เขากลายเป็นคนที่หลีกหนีสังคม สนใจแต่การเล่นเกมออนไลน์ ไม่พอ เขายังเตรียมตัวจะฆ่าตัวตาย กำหนดวันเอาไว้แล้วด้วย
แต่การได้ไปอยู่ที่นั่น ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับผู้คนอีกมากมายทั้งที่อาจไม่ได้อยากรู้จัก เหตุก็เพราะมันเกิดโรคระบาดอันแปลกประหลาดขึ้น ผู้คนกลายเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไป
สัตว์ประหลาดทั้งหลายนี่จ้องจะจับพวกที่ยังเป็นมนุษย์กินเป็นอาหาร วันๆ ได้แต่ร่ำร้องว่า ‘โปรตีนๆ’ ทำให้ซาฮยอนซูต้องเข้ามารวมกลุ่มกันคนอื่นๆ เพื่อร่วมกันปกป้องเหล่ามนุษย์ที่ยังเหลือรอดอยู่ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็อยากตาย
การดำเนินเรื่อง
การเริ่มต้นของบ้านแสนสุขในช่วงแรกนั้นดูเหมือนจะไปด้วยดีในตอนแรก ได้มีการปูความสัมพันธ์ตัวละครต่าง ๆ ภายในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ก่อนที่จะเริ่มเกิดเหตุกาณ์ขึ้น และยังมีการเพิ่มตัวละครอีกมากมายที่ไม่มีในมังฮวา
แต่พอเหล่ามนุษย์กลายเป็นสัตว์ประหลาดแค่นั้นแหละ ความพินาศของซีรีส์ก็เริ่มต้นทันที เมื่อการทำฉากแอ็กชั่นไล่ล่าของเหล่าอสูรกายทำได้ออกมาแย่มากเกินไป ทั้งการกำกับภาพ ซีจี และเสียงประกอบที่ไม่ได้เข้ากับบรรยากาศตอนนั้นเสียเลย
ถึงแม้จะเป็นการใช้เพลงดังอย่าง Warrior เพลงดังจาก LoL ในฉากนั้นก็ตาม แต่อิมแพ็คที่ได้กลับสวนทางทำให้ความน่าดูหายไปอย่างน่าเสียดาย อย่างฉากพระเอกแอบสัตว์ประหลาดอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงเพลงกระหึมเข้ามาแบบมันต้องสู้แล้ว
และฉากคุยกับตัวเองที่ทำออกมาได้ไม่น่ากลัวเลย ตอนแรกคาดหวังว่าเรื่องนี้จะทำได้ออกมาดีแน่ ๆ แต่กลับกลายเป็นแย่สุด ๆ อาจจะเป็นเพราะการทำเรื่องนี้ให้ตรงตามฉบับมังฮวานั้นมันยากสุด ๆ ก็ได้ เนื่องจากเวลาฉายของซีรีส์และความยาวที่ต้องยืดเข้าไว้ความเนือยของเรื่องจึงมีมากเกินไป
พอผ่านไป 4-5 ตอน ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเลย ในขณะที่บางฉากที่ควรเล่าออกมาให้ดีกลับกลายเป็นเล่าผ่านๆ และตัดฉากตัวละครไปมามั่วไปหมด อย่างการที่นางเอกคุยกับเพื่อน แล้วตัดไปอีกทีพระเอกสู้กับสัตว์ประหลาด แล้วอยู่ดี ๆ นางเอกก็มา และก็ฉากเปิดประตูชั้นหนึ่งโผล่ไปอีกชั้นเลย นี้ก็เป็นอีกความไม่สมเหตุสมผลของเรื่องนี้
พอเข้าสู่ช่วงเนื้อหาหลัก ทุกอย่างเริ่มแตกต่างไปจากมังฮวาทั้งหมด นี้เป็นการตีความใหม่ของผู้กำกับที่จะเปลี่ยนธีมเนื้อเรื่องจากระทึกขวัญ กลายเป็นเอาชีวิตรอดอย่างเต็มตัว และมีการค่อย ๆ เฉลยปมหลายอย่างที่ไม่มีในมังฮวาทีละเล็กทีละน้อย
ทำให้ความน่าสนใจของเรื่องเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ยังมีเนือยอยู่เรื่อยมา จากเอาชีวิตรอดกลายเป็นคอมเมดี้ตลก โรแมนติก ไม่รู้ว่าผกก. ยังติดธีมจากเรื่องก่อน ๆ มาหรือไม่ เพราะซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่อะไรแบบนี้เลย จนทำให้ความตึงเครียดมันหายไป
จนถึงช่วงสุดท้ายที่ทำออกมาค่อนข้างดีหน่อย มีการสู้กันระหว่างฝั่งสัตว์ประหลาดและมนุษย์ เพื่อเอาชีวิตรอด แต่บทสรุปสุดท้ายก็ยังไม่น่าพอใจเท่าตอนจบของต้นฉบับ และยังมีการปูเนื้อเรื่องไปสู่ซีซั่นต่อไปอีกด้วย
สำหรับคนที่หาพากย์ไทยอาจจะต้องผิดหวังกันไปก่อนเพราะว่าวันแรกที่มีการฉายนี้เอง กลับไม่เห็นรายชื่อเสียงภาษาไทยภายในเรื่องด้วย ทั้งที่ตัวอย่างโปรโมทกลับเป็นเสียงไทย
แต่กลับไม่มีเสียงไทยภายในเรื่องซะได้ อาจจะเป็นเพราะอัดเสียงไม่ทันก็ได้ ต้องรอดูต่อไปว่าทางเน็ตฟลิกซ์จะเพิ่มอีกทีตอนไหนเพราะหลาย ๆ คนก็ชอบฟังเสียงไทยมากกว่าที่จะไปดูซับ
จุดเด่น
มาพูดจุดดีบ้าง ด้วยองค์ประกอบทีมงาน และต้นทางเนื้อหาที่แข็งแรงแล้ว ตัวซีรีส์เว็บดูหนัง ก็ไม่ได้ฉาบฉวยขนาดลอกลายมังฮวาลงไลฟ์แอ็กชันเลย หากแต่เก็บรายละเอียดสำคัญของมังฮวาไว้ได้ครบดี ใครอ่านมาก่อนนี่จะประทับใจกับการที่ลายเส้นถูกคิดตีความมาเป็นภาพได้น่าสนใจทีเดียว
ยกตัวอย่างง่าย ๆ คืออพาร์ตเมนต์ในมังฮวาด้วยลายเส้นที่ง่าย ๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าห้องค่อนข้างดูดี แต่พอมาเป็นซีรีส์ทีมงานก็เซ็ตฉากใส่ความทึมเก่าออกมาให้เด่นชัด เพิ่มรสทางตาให้น่าสนใจได้ไปอีก
การแตกฉากแตกช็อตจากมังฮวาก็ตัดทอนดัดแปลงช่องการ์ตูนได้อย่างดี เล่าได้กระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฉากแอ็กชันจัดว่าดูสนุกขึ้นกว่ามังฮวามาก ๆ อันนี้ต้องชม ยังไม่นับว่ามีการเพิ่มไอเดียสร้างตัวละครใหม่ ๆ เข้ามาในเส้นเรื่องให้คนที่เคยอ่านมังฮวามาก่อนก็คาดเดายากขึ้น ได้มีลุ้นตามคนที่ไม่เคยอ่านมาก่อนด้วยเช่นกัน
จุดดีอีกอันที่สำคัญมากและทำให้บางช่วงที่ซีรีส์เล่าเอื่อยมาก ๆ แต่เรายังทนดูต่อไปได้ นั่นก็คือ ใบหน้าหล่อ ๆ สวย ๆ ของดาราที่งานดีมาก ช่วยชีวิตซีรีส์ไว้ได้จริง ๆ ส่วนตัวคือชอบความเท่ของแก๊งผู้ชาย และชอบมาก ๆ กับความสวยเก๋ หลากสไตล์ของแก๊งฝั่งสาว ๆ เอาเป็นว่าช่วยไหนไม่สนุกก็ช่างมันล่ะ ดูดาราพอ
จุดด้อย
มาถึงจุดด้อยจุดพังของซีรีส์ อย่างแรกเลยคือ การดีไซน์ฉากโดยรวมประดิษฐ์จัดจ้านเกิดไปจนมันเกินความสมจริงมากไปจนคนดูต่อติดยาก อพาร์ตเมนต์โทรม ๆ พรอปใด ๆ สมจริง
แต่พี่แกจัดไฟสีตัดเขียวส้มน้ำเงินเป็นงานแสดงศิลปะเลย ฉากเปิดเรื่องที่ให้เห็นอพาร์ตเมนต์จากด้านล่างก็สูงประมาณหนึ่ง แต่พอเล่นไปได้สักพักมีฉากจากบนตึกมองลงมาราวกับตึกระฟ้าสัก 30-40 ชั้นเอาเสียเฉย ๆ บ้าบอมาก ๆ
ยังไม่นับเรื่องการซ้อนฉากหลังที่ลอยซะดูรู้เลยว่านี่ซีจีนะ หรือการเซ็ตฉากหน้าอพาร์ตเมนต์ที่เปิดเรื่องก็ดูพงหญ้ารก ๆ มีทางเดินเก่า ๆ ปกติ พอปีศาจเริ่มมากลายเป็นไซต์ก่อสร้างเฉยเลย โคตรงง อะไรที่ไม่สมจริงเกินไปพวกนี้ก็คอยถีบเราออกมาจากหนังอยู่ตลอดเวลา
ต่อด้วยการเล่าเรื่องบ้าง เอาล่ะว่าตัวเนื้อหาจริง ๆ ชวนสอดรับกับดราม่าภูมิหลังตัวละครมาก ๆ เพราะคนที่จะกลายร่างเป็นหน้าตาอย่างไรนั้นจะขึ้นกับความโลภในใจของแต่ละคนเป็นตัวบันดาล ทว่าซีรีส์แทบไม่ได้ใช้จุดแข็งพวกนี้มาเน้นเลยอย่างน่าเสียดาย
สัตว์ประหลาดหลาย ๆ ตัวเลยมาแค่ดูประหลาดแล้วจบไป ยิ่งปมในใจพระเอกก็ไม่ได้ถูกอธิบายให้เข้าท่าเลยว่าสอดคล้องกับพลังของเขาอย่างไร แล้วปมในอดีตพระเอกก็ไม่ได้มาสอดรับเนื้อหาในปัจจุบันของตัวละครหนักแน่นพอเลย เหมือนรู้อดีตแล้วเออน่าสงสาร โอเคจบไป ไม่ได้มาขบคิดอะไรต่อ
และด้วยตัวละครที่มีเยอะมาก เอาว่าหลัก ๆ เห็นหน้าบ่อย ๆ มีบทให้จำก็เกือบ 20 ตัวแล้ว การกระจายบทจัดว่าทำได้แย่มาก ไม่ใช่ว่ากระจายไม่ดีแบบจำใครไม่ได้
แต่อันนี้กระจายดีเกินไป ดีขนาดว่าตัวประกอบบางตัวได้เวลาพอ ๆ กับตัวเอก ยิ่งพระเอกนี่เวลาก็น้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ แถมยังการขยี้ปมยังดูด้อยกว่าตัวประกอบบางตัวเสียอีก
บางช่วงยังนั่งนึกว่าเรื่องนี้มีพระเอกหรือเปล่าหว่า? หรือพระเอกคือใครกันแน่ระหว่าง ฮยอนซู หรือตัวรองอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำ ซึ่งปัญหานี้ยังนำมาซึ่งพัฒนาการของตัวละครขาดน้ำหนัก คือมีเห็นล่ะว่าเปลี่ยนแปลง ทว่ามันเปลี่ยนแบบฉึบฉับตามพล็อตมากกว่าระดับอารมณ์ ไม่มีฉากที่เน้นจุดเปลี่ยนชัดเจน
ด้าน CG
ว่าเรื่องซีจีแล้วก็ลากกันยาว ๆ หนังแนวสัตว์ประหลาดจุดแข็งก็คือสัตว์ประหลาด ที่ดูน่าสนใจ สมจริง ซึ่งในมังฮวาก็บอกเลยว่าดีไซน์สัตว์ประหลาดแต่ละตัวมีเอกลักษณ์น่าสนใจมาก อย่างตัวคล้ายเปรตลิ้นยาว หรือตัวที่หัวหายไปครึ่ง คือติดตามาก ตรงนี้ว่ากันตรง ๆ ซีรีส์ก็ถอดออกมาเป็นโมเดลตัวละครได้ดีล่ะ มีดูลอย ๆ จากฉากอยู่บ้างพออภัย
แต่ที่พังแบบบัดซบคือการแอนิเมตให้เคลื่อนไหว เหมือนดูสต็อปโมชันที่เฟรมเรตน้อยภาพกระตุก ๆ ข้าม ๆ จนตลก ให้สัตว์ประหลาดดีไซน์ดีแค่ไหน น่ากลัวมาจากไหนก็พัง กลายเป็นโคตรขำเสียแทน
โดยรวม
บ่นสุดท้ายความพังคือซีรีส์แบ่งช่วงสนุกได้ชัดมาก ตอนแรก ๆ ไม่นับพวกซีจียังดูสนุกน่าสนใจ ยาว ๆ ไปจนตอนที่ 4 ยังโอเคอยู่ พอตอนที่ 5 เริ่มแกว่ง ๆ การเล่าเรื่องเริ่มไม่เป็นเอกภาพแล้ว บางฉากเล่นเอางงด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวละครคิดอะไร ทำไมมันโดด ๆ ข้าม ๆ แปลก ๆ แล้วจบตอน 5 แบบเหมือนหนังจบภาคแรกชัดเจนมาก
ซึ่งหลังจากนั้นเล่าเรื่องได้หมดความน่าสนใจลงเรื่อย ๆ ยิ่งดูยิ่งพัง ทั้งบท ทั้งความน่าเชื่อ ตรรกะเหตุผลตัวละคร ฉากแอ็กชัน คือพร้อมใจกันกราฟร่วง จนกระทั่งมาเริ่มสนุกเอาใหม่ตอนท้าย ๆ สักตอนที่ 9 ปลาย ๆ ถึง 10 นั่นล่ะ ที่เริ่มมีอะไรให้น่าดูบ้าง
แล้วถามว่าจบแบบนี้ถ้าดันให้มีภาคต่อ จะอยากดูมั้ย ก็คงตอบว่าดูได้ล่ะ แต่ไม่ได้อยากรู้อยากดูต่อแบบขอซีซันหน้ามาพรุ่งนี้อะไรแบบนั้น ทิ้งไว้ปีสองปีค่อยมายังไม่นึกเสียดายเลย
สรุป
ซีรีส์จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พอดูได้ ด้วยจุดประสงค์เพื่อผลาญเวลาหรืออยากดูรสแปลกใหม่จากเกาหลีบ้าง แต่ถ้าพิจารณาจากเนื้องานก็บอกได้อีกเช่นกันว่าหนังพร่องในสูตรหนังแนวนี้แบบน่าผิดหวัง ซ้ำร้ายสุด (ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะเป็นข้อเสียในหนังเกาหลี)
คือส่วนของดราม่าที่เป็นจุดแข็งในบทของเกาหลี เรื่องนี้กลับใส่อย่างสะเปะสะปะและแยกชั้นเป็นส่วนเกินจากการเล่าเรื่องมากเกินไป จนซีรีส์เข้าขั้นพังทางความรู้สึก เรียกว่าอาจต้องเตือนว่าถ้าเวลา 10 ชั่วโมงของคุณมีค่ามากในตอนนี้ ข้ามเรื่องนี้ไปก่อนก็ได้เช่นกัน ไว้เวลาเหลือ ๆ ค่อยมาเก็บทีหลังก็ยังไม่น่าเสียดายอะไร
Comentários