รีวิว Stranger SS2 - สเตรนเจอร์ 2
การกลับมาอีกครั้งของอัยการหน้านิ่งและตำรวจหญิงผู้รักความยุติธรรม ในซีซันนี้เนื้อหาจะเน้นวิพากษ์ปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบยุติธรรมเกาหลีใต้ รวมถึงศึกชิงอำนาจระหว่างอัยการและตำรวจ กับการตามสืบคดีฆาตกรรมที่ตำรวจต้องสงสัยว่าฆ่ากันเอง รีวิว Stranger SS2
เรื่องย่อ
ยังคงติดตามการทำงานของอัยการไร้ความรู้สึก ฮวังชีมก (รับบทโดย โชซึงอู) ในการตามล่าหาความจริงของเบื้องหลังบางอย่างในสำนักงานทนายความเขตเพื่อตามล่าหาอาชญากรตัวจริง โดยในซีซั่นนี้ทางสำนักงานอัยการนำทีมโดย อูแทฮา (รับบทโดย ชเวมูซอง) ต้องการอำนาจในการสืบสวน 100% เช่นเดียวกันกับ ชเวบิท (รับบทโดย จอนฮเยจิน) จากสำนักงานตำรวจที่ก็ต้องการอำนาจในการสืบสวนเต็มร้อยเช่นกัน ดังนั้น ฮวังชีมก และ ฮันยอจิน (รับบทโดย แบดูนา) ตำรวจสาวต่างต้องสืบความจริงในฝั่งที่ตรงข้ามกัน
การกลับมาอีกครั้งของอัยการหน้านิ่งและตำรวจหญิงผู้รักความยุติธรรม ในซีซันนี้เนื้อหาจะเน้นวิพากษ์ปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบยุติธรรมเกาหลีใต้ รวมถึงศึกชิงอำนาจระหว่างอัยการและตำรวจ กับการตามสืบคดีฆาตกรรมที่ตำรวจต้องสงสัยว่าฆ่ากันเอง
Stranger หรือ Secret Forest เป็นซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวนเรื่องดังที่ได้สองนักแสดงชั้นนำอย่าง โชซึงอู และ แบดูนา มาร่วมแสดง การเล่าเรื่องที่เน้นสะท้อนและเสียดสีสังคมเกาหลี โดยเฉพาะระบบยุติธรรมในวงการอัยการและวงการตำรวจอย่างถึงแก่น ซึ่งไม่เคยมีซีรีส์เกาหลีเรื่องไหนที่เจาะลึกวงการอัยการได้มากขนาดนี้มาก่อน
เนื้อเรื่อง
เล่าเรื่องราวสองปีให้หลังจากการเสียชีวิตของรองอธิบดีกรมอัยการ อีชางจุน (ยูแจมยอง) และแม้ว่าอัยการฮวังชีมก จะได้เป็นผู้ตรวจสอบพิเศษของนายกรัฐมนตรี
แต่เขากลับย้ายไปทำงานที่อัยการเขต และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทำให้เขาได้พบกับตำรวจสาวฮันยอจินอีกครั้ง ทั้งยังร่วมมือกันเปิดเผยความจริงที่ถูกปกปิดไว้
ขณะเดียวกัน Stranger 2 จะเน้นไปที่ความขัดแย้งระหว่างสำนักอัยการและฝ่ายตำรวจ เมื่อทางฝั่งอัยการต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จในการพิจารณาคดี ขณะเดียวกัน ฝ่ายตำรวจก็พยายามรวบอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเป็นอิสระจากสำนักอัยการ
ความแตกต่างในซีซันนี้
Stranger ss2 มีความแตกต่างจากดูหนังฟรี ซีซันแรกพอสมควร โดยจุดเริ่มต้นของซีซันนี้จะเปิดฉากที่คดีการเสียชีวิตของวัยรุ่นที่จมน้ำตายสองคน แม้ว่าดูผิวเผินก็ไม่ใช่คดีลึกลับอะไรมาก
แต่มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ชักนำให้สองตัวเอกอย่างซีมกและยอจิน ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง แต่การกลับมารอบนี้ทั้งสองคนกลับต้องยืนอยู่คนละฝั่งตามสังกัดของพวกเขาเองคือสำนักอัยการและหน่วยงานสืบสวนกลาง
แถมมันยังนำไปสู่คดีที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นการฆาตกรรมของตำรวจกันเอง ที่นำไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่โตกว่านั้น อีกทั้งบริษัทฮันโจกรุ๊ปที่เคยถูกพวกเขาเล่นงานเปิดโปงไปในซีซันแรก ก็ได้กลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้งเมื่อได้ประธานบริษัทคนใหม่ขึ้นมากุมบังเหียนแทนอีกด้วย
ซีรีส์มีทั้งหมด 2 ซีซัน ซีซันแรก 16 ตอน และ ซีซันสอง 16 ตอน จบเรียบร้อย แม้จะเปิดเรื่องมาด้วยคดีฆาตกรรมทั่วไป แต่ทุกคดีในซีซันนี้กลับมีความเกี่ยวพันกันอย่างคาดไม่ถึง โดยในตอนจบ เชื่อว่าต้องมีสร้างซีซัน 3 ต่อแน่นอน เพราะเป็นการจบแบบปลายเปิดมาก
ซึ่งต้องยอมรับว่าการปิดคดีในซีซันสอง ถือว่าผู้สร้างมีความ “กล้ามาก” เพราะเลือกที่จะจบซีซันในแบบที่เรื่องแนวสืบสวนที่มีคดีเส้นเรื่องหลักมักไม่ค่อยทำกัน ซึ่งหากทำได้ดีก็จะรุ่งไปเลย แต่ถ้าทำไม่ดีก็จะเป็นตอนจบที่ห่วยไปเลยเหมือนกัน
การดำเนินเรื่อง
การเล่าเรื่องหนังใหม่ชนโรงในซีซันสองจึงมีการเดินเรื่องที่ฉีกออกไปจากซีซันแรกพอสมควร เพราะแม้ว่าเส้นเรื่องหนึ่งก็จะเน้นไปที่การสืบหาความจริงในคดีฆาตกรรม แต่อีกเส้นเรื่องหลักที่สำคัญพอๆ กันคือการที่พระเอกและนางเอกได้เข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งครั้งสำคัญระหว่างอัยการและตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการแย่งสิทธิการสืบสวน
ซึ่งเป็นการเจาะไปถึงกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้อย่างถึงแก่น แล้วยังอธิบายให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่ออัยการมีอำนาจมาก (จนอาจจะเกินไป) ในการสั่งสืบสวนคดี และยังมีอำนาจที่จะไม่ฟ้องร้องได้ด้วย
เรื่องราวของตัวละคร
ฮวังซีมก อัยการหนุ่มแห่งสำนักอัยการตะวันออก ในวัยเด็กเขาประสบอุบัติเหตุ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบสมองบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธรุนแรงได้
เขาจึงเข้ารับการผ่าตัดเอากลีบสมองส่วนหนึ่งออกเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ส่งผลทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า
แต่ในทางกลับกัน มันทำให้เขาสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ด้วยตรรกะและความมีเหตุผลในระดับสูงโดยที่ไม่มีอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาแทรกเกินไป เขายังมีความสามารถสูงในการจำลองสถานการณ์ในหัวสมอง
เพื่อช่วยในการสืบหาความจริงของคดี ทำให้เขาเดินหน้ารักษาความยุติธรรมและขุดคุ้ยความอื้อฉายในกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้ต่อไปได้
ฮวังซีมกได้ร่วมมือกับฮันยอจินในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมในคดีพัคมูซองโดยบังเอิญ โดยปกติแล้วซีมกเป็นคนทื่อๆที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอัยการคนใดได้ แต่เนื่องจากยอจินเป็นตำรวจหญิงที่มีสติและจิตใจดี
ทำให้เธอสามารถเปิดใจซีมกได้ในที่สุด จนความสัมพันธ์ของทั้งสองกลายเป็นคู่หูที่รู้ใจกันและเชื่อใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาซีมกได้รับแต่งตั้งจากอธิบดีอัยการอีชางจุน ให้เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีพัคมูซอง เขาจึงได้เลือกสมาชิกทีมจากบรรดาอัยการและตำรวจมาร่วมมือกัน
โดยปกติแล้วซีมกไม่ค่อยมีสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมากนัก แต่ลึกๆแล้วเขาก็มีความผูกพันกับรุ่นน้องและรุ่นพี่ของตน เพียงแต่เขาไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าได้
หลังจากคลี่คลายคดีในซีซันแรก ซีมกถูกสั่งย้ายไปสองปี ก่อนที่จะถูกเรียกตัวกลับมาทำงานในสำนักอัยการสูงสุด แล้วต้องมาเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างอัยการและตำรวจในการแย่งสิทธิ์การสืบสวน รวมถึงคดีที่ตำรวจเสียชีวิตแล้วภายหลังเกิดความต้องสงสัยว่าเป็นการฆ่ากันเองของตำรวจ
ทำให้การกลับมารอบนี้ เขาต้องมาอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับยอจินที่ทำงานให้ตำรวจ แต่ที่จริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็แอบร่วมมือในการสืบสวนหาความจริงกัน โดยที่คนภายนอกไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
ฮันยอจิน ตำรวจนักสืบหญิง ที่ได้เข้ามาทำคดีฆาตกรรมพัคมูซอง แล้วได้พบกับอัยการฮวังซีมกโดยบังเอิญ ด้วยความสงสัยในพฤติกรรมและการสืบสวนของอีกฝ่าย เธอจึงเริ่มติดตามและร่วมงานกับเขาแบบงงๆ แต่แล้วมันก็กลายเป็นความสัมพันธ์ในแบบที่อีกฝ่ายต่างก็ไว้เนื้อเชื่อใจและพึ่งพากันมากขึ้นเรื่อยๆ
ยอจินยังเป็นจำรวจหญิงที่มีความกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวความอยุติธรรม ชอบช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากแม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แล้วถึงแม้ว่าจะเป็นตำรวจหญิงเพียงคนเดียวของสถานีที่เธอประจำอยู่
แต่ความสามารถของเธอก็ไม่เป็นที่สงสัย ภายหลังเธอสงสัยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงโดยเฉพาะผู้กำกับของเธอเองว่ามีความเกี่ยวข้องกับการรับสินบนและคดีอื้อฉาว
จึงร่วมมือกับซีมกเพื่อสืบหาความจริง จากนั้นเธอก็เป็นสมาชิกคนแรกที่ได้เข้าร่วมทีมสืบคดีที่ซีมกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม
หลังจากคลี่คลายคดีของพัคมูซองในซีซันแรก ยอจินก็ได้เลื่อนขั้นแล้วได้ย้ายไปทำงานในหน่วยสืบสวนกลาง แล้วได้ร่วมเป็นตัวแทนของฝ่ายตำรวจในการแย่งชิงสิทธิ์การสืบสวนระหว่างตำรวจและอัยการ จึงต้องมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซีมก
แต่ที่จริงแล้วทั้งสองกลับร่วมมือกันในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับคดีที่ตำรวจต้องสงสัยว่าฆ่ากันเอง เพราะคดีนี้อาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของหน่วยงาานตำรวจเสียหายแล้วมันอาจส่งผลกระทบต่อการแย่งชิงสิทธิ์การสืบสวนของฝั่งตำรวจด้วย
สถานะของทั้งซีมกและยอจินในซีซันสอง จึงแตกต่างไปจากซีแรก เมื่อพวกเขาจำเป็นต้องทำหน้าที่ตามหน่วยงานต้นสังกัดของตนเอง ซึ่งก็ไม่ได้มีฝ่ายใดถูกหรือผิด
เพราะทั้งสองฝั่งก็มีเหตุผลของตัวเองในการแย่งอำนาจกัน พวกเขาจึงต้องทำตามหน้าที่ของตนในการสืบสวนเพื่อประโยชน์ของต้นสังกัด แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็คอยแอบช่วยเหลือกันและกันด้วย
ซอดงแจ อัยการหนุ่มหล่อ จอมเนี้ยบ รุ่นพี่ของฮวังซีมก เคยเป็นคนสนิทที่ติดตามอีชางจุนนับสิบปี เป็นคนเจ้าเล่ห์ พูดจาดี เจรจาเก่ง พยายามทำทุกอย่างเพื่อไต่เต้าและไม่ค่อยถูกกับฮวังซีมกเท่าไรนัก
ในซีซันสอง ดงแจเป็นคนนำข้อมูลเรื่องราวที่ตำรวจลาดตระเวนอาจจะทำการฆาตกรรมกันเองมาเสนอให้อูแทฮา เพื่อใช้คดีนี้เป็นอาวุธเล่นงานฝ่ายตำรวจ แต่คดีนี้ถูกมองให้ซีมกรับหน้าที่สืบสวนหลัก ด้านดงแจก็ได้เข้ามาร่วมมือกับซีมกด้วย
โดยเนื้อแท้แล้ว ดงแจก็เป็นอัยการที่รักความยุติธรรม แม้ภายนอกเขาจะเป็นคนเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ภายหลังจึงได้ร่วมมือกับซีมกในการสืบหาความจริงของคดี จัดว่าเป็นตัวละครสีเทาๆที่มีสีสันและน่าเอาใจช่วยมากในเรื่อง
อียองแจ ภรรยาของอีชางจุน ลูกสาวของอียองบุน ประธานของบริษัทฮันโจกรุ๊ป หลังจากเหตุการณ์ตายของอีชางจุนและการเสียอำนาจของอียองบุน เธอก็ได้ขึ้นมารับตำแหน่งประธานบริหารบริษัทแทนพ่อของเธอ และต้องเปิดศึกแย่งชิงอำนาจกับพี่ชายตนเองด้วย
ชเวบิท หัวหน้าหน่วยสืบสวนกลางของตำรวจ เป็นคนดึงตัวยอจินมาเข้าทีมตัวแทนของตำรวจในการโตแย้งกับอัยการ เบื้องหลังเธอยังเก็บงำความลับบางอย่างเอาไว้
อูแทฮา หัวหน้าหน่วยสืบสวนภายในของสำนักอัยการสูงสุด ดึงตัวซีมกมาร่วมทีมในการโต้แย้งสิทธิ์กับตำรวจ แท้จริงเขามีส่วนเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ของ สส. และเขายังมีความเกี่ยวพันกับชเวบิทด้วย
โดยรวม
สำหรับภาพรวมของ สเตรนเจอร์ 2 มีความแตกต่างจากซีซันแรกอยู่บ้าง ในแง่การเดินเรื่องนั้น ในซีซันแรกก็ค่อนข้างจริงจังและเข้มข้นอยู่แล้ว แต่ซีซันสองกลับเพิ่มความจริงจังมากขึ้นอีก
แล้วยังมีการขยายสเกลเรื่องราวให้ใหญ่โตขึ้น อีกทั้งคดีฆาตกรรมในซีซันสองก็มุ่งเชื่อมโยงและเจาะเข้ามาถึงปัญหาในระบบราชการของเกาหลีใต้ในระดับโครงสร้างยิ่งกว่าภาคแรก
ซึ่งถ้าย้อนไปซีซันแรก การเดินเรื่องจะคล้ายกับซีรีส์สืบสวนทั่วไปที่เน้นไปที่การสืบสวนหาความจริงในคดีฆาตกรรม แล้วนำไปสู่การขุดคุ้ยที่พบว่า เหยื่อที่ถูกฆาตกรรมมีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์และเรื่องอื้อฉาวของอัยการ
และนักการเมือง นักธุรกิจระดับสูง การสืบสวนจึงเป็นลักษณะที่มุ่งหาคนร้ายในคดีฆาตกรรมและสาเหตุเบื้องลึกที่เกี่ยวพันกับผู้คนวงในอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในสำนักอัยการ
ถ้ามองในแง่ว่า ซีรีส์นี้เลือกวิธีการจบแบบ “เรียล สมจริง” ก็ถือว่าน่าชมเชย เพราะทำได้ดีมาก ด้วยการที่ตัวเอกทั้งสองคนที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้สืบสวนคดีกันมาตลอดซีซัน แม้จะสามารถเปิดโปงคดีสำคัญในเรื่องได้
แต่ก็ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ถึงอย่างนั้นซีรีส์ก็เลือกที่จะให้ความหวังกับตัวละครว่า ทำความดียังได้ดีเสมอ เพียงแต่มันอาจจะมาในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง
สรุป
ซีซันสอง ขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น กล้าเล่นในประเด็นโครงสร้างทางอำนาจและกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้แบบเชิงลึก เน้นที่ศึกระหว่างอัยการและตำรวจ ซึ่งไม่เคยมีเรื่องไหนทำได้ลึกขนาดนี้ นักแสดงหลักเล่นได้เยี่ยมมาก รูปแบบการเดินเรื่องไม่เหมือนซีรีส์เกาหลีทั่วไป
Comments