รีวิว Jurassic World Camp Cretaceous SS2 - จูราสสิค เวิลด์ ค่ายครีเทเชียส
ซีซั่นต่อมาของจูราสสิคปาร์คในแบบแอนิเมชั่นเรตเด็กลดความรุนแรงลงกว่าเดิม ซึ่งซีซั่น 1 ถือว่าทำได้ดีเลยความสนุกตื่นเต้นต่อยอดจากภาพยนตร์ และก็ทำหลายๆ อย่างได้ใกล้เคียงกัน โดยคงเส้นเรื่องแบบเดิมของแนวจูราสสิคคือไปเที่ยว ไดโนเสาร์หลุดจนเกิดหายนะกับเกาะ แล้วก็จบด้วยการหนีออกมาได้ แต่พอมาเป็นแอนิเมชั่นมีซีซั่น 2 ตอนจบของซีซั่นแรกจึงไม่ได้เป็นไปตามสูตรหนีจากเกาะได้ กลายเป็นว่าพวกเด็กต้องมาติดอยู่ในเกาะแห่งนี้ต่อไป ซึ่งเรื่องราวแบบนี้ดูจะแตกต่างออกไปมาจากโครงเรื่องจูราสสิคปาร์คแบบเดิมๆ ที่ดูกันมาทุกภาค รีวิว Jurassic World Camp Cretaceous SS2
เรื่องย่อ
ความหวังในการช่วยชีวิตชาวค่ายที่ติดเกาะอยู่ช่างริบหรี่ แต่กรุ๊ปทัวร์เชิงอนุรักษ์กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งอาจช่วยกู้สถานการณ์ได้ ทว่าสิ่งที่เห็นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ย้อนความกันหน่อยว่า Jurassic World : Camp Creteceous เนี่ย เป็น Original Netflix Animation ซึ่งจุดอยู่ในหมวดซีรีส์การ์ตูนด้วยนะเออ เหมาะสำหรับผู้ชมอายุ 6 ปีขึ้นไป ดังนั้นเนื้อเรื่องนางก็จะมีความเด็ก ความผจญภัยแบบเด็กๆนั่นเองแหละ
ซึ่งเนื้อเรื่องนั้น ก็จะเล่าคาบเกี่ยวไปกับเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World ในเหตุการณ์ที่อินดอมินัสเรกซ์หลุดออกมา และทำให้สวนสนุก Jurassic World ต้องล่มสลายลงไป
ซีซั่นต่อมาของจูราสสิคปาร์คในแบบแอนิเมชั่นเรตเด็กลดความรุนแรงลงกว่าเดิม ซึ่งซีซั่น 1 ถือว่าทำได้ดีเลยความสนุกตื่นเต้นต่อยอดจากภาพยนตร์ และก็ทำหลายๆ อย่างได้ใกล้เคียงกัน โดยคงเส้นเรื่องแบบเดิมของแนวจูราสสิคคือไปเที่ยว ไดโนเสาร์หลุดจนเกิดหายนะกับเกาะ แล้วก็จบด้วยการหนีออกมาได้
แต่พอมาเป็นแอนิเมชั่นมีซีซั่น 2 ตอนจบของซีซั่นแรกจึงไม่ได้เป็นไปตามสูตรหนีจากเกาะได้ กลายเป็นว่าพวกเด็กต้องมาติดอยู่ในเกาะแห่งนี้ต่อไป ซึ่งเรื่องราวแบบนี้ดูจะแตกต่างออกไปมาจากโครงเรื่องจูราสสิคปาร์คแบบเดิมๆ ที่ดูกันมาทุกภาค
เรื่องราวในซีซั่น 1
บอกเล่าเรื่องราวของเด็ก 6 คนที่ได้รับสิทธิพิเศษ มาเข้าค่ายไดโนเสาร์ กันที่สวนสนุก Jurassic World แต่หลังจากสวนสนุกระบบล่ม ก็ทำให้พวกเขาต้องเอาตัวรอดกันเองอยู่ที่สวนสนุกแห่งนี้ เพื่อที่จะไปขึ้นเรือช่วยชีวิตให้ทันให้ได้
แต่นั่นก็ไม่สำเร็จล่ะเธอ พวกเขาทั้ง 6 ติดอยู่ที่เกาะนี้ และกระจัดกระจายกันไป การเอาชีวิตรอดให้ได้ท่ามกลางสัตว์ดึกดำบรรพ์ จึงเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของพวกเขาเลยล่ะ
เนื้อเรื่องในซีซั่นนี้
เราก็จะได้พบเจอกับตัวละครหลักที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากซีซั่นแรก และก็จะพบว่าพวกเขาสนิทกันแล้ว และเริ่มที่จะเอาตัวรอดด้วยกันที่เกาะอิสลานูบลาแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่แน่ใจด้วยว่า จะมีทีมช่วยเหลือ มาช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้หรือเปล่า เด็กทั้ง 6 คนก็เลยต้องหาวิธี งัดสารพัดความรู้ความสามารถที่ตัวเองมี เอาออกมาช่วยเหลือกันเพื่อให้รอดไปได้ในแต่ละวันนั่นเองแหละ
แม้ว่าเรื่องราวต่อนี้จะสดใหม่จริงๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินเรื่องการใช้ชีวิตบนเกาะแบบผู้รอดตายแบบจริงจัง ตัวเรื่องต่อจากตอนจบ ทุกคนที่รอดอยู่พยายามหาทางส่งสัญญาณออกขอความช่วยเหลือ พร้อมกับหาทางใช้ชีวิตรอดที่นี่ให้ได้แบบเป็นปกติสุขที่สุด
ซึ่งบอกตรงๆ ว่าบทเหมือนดูหนังออนไลน์หาทางไปต่อได้ลำบากแล้ว เพราะตัวละครทั้งหมดเป็นเด็กด้วยเลยยิ่งทำให้เดินเรื่องแนวผู้รอดตายให้สมเหตุผลยาก แถมยังมีเรื่องเรตของแอนิเมชั่นที่ต้องไม่มีความรุนแรงมาเกี่ยวข้องอีก
ดังนั้นลืมไปเลยว่าจะได้เห็นการหาอาหารแบบจับไดโนเสาร์มาปิ้งกันอะไรแบบนี้ไม่มีหรอก ซึ่งเรื่องก็เดินไปแบบโลกสวยมากด้วยการให้หาอาหารกระป๋อง หาผลไม้กินกัน ซึ่งมันก็พอถูไถไปได้ ซึ่งส่วนการเอาตัวรอดจากพื้นฐานการอยู่กินปกติพอกล้อมแกล้มไม่สนใจความสมเหตุได้เพราะนี่มันเป็นแอนิเมชั่น
แต่ปัญหาหลักเลยคือการผูกเรื่องให้พวกเด็กต้องเข้าไปเกี่ยวกับการหนีไดโนเสาร์ที่ต้องมีในแต่ละตอน (เป็นไฮไลท์ของแต่ละตอน) มันกลับไม่สมเหตุผล เหมือนยัดซีนพวกนี้เข้ามาแบบลวกๆ
การเดินเรื่อง
ไดโนเสาร์ตัวร้ายในภาคก่อนถือว่าหลากหลายมาก และก็เดินเรื่องให้ไปเจอแบบสนุกสมเหตุผลแทบทุกตัว อาจจะเพราะเส้นเรื่องคือการหนีเลยวางสเต็ปให้ไปเจอง่าย แต่พอต้องมาใช้ชีวิตปกติบนเกาะแล้วต้องเจอแบบหนีเฉยๆ มันเลยดูไม่มีความตื่นเต้น
และเรื่องก็ยังใช้บริการเจ้าทีเร็กซ์มาเป็นตัวร้ายหลักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แถมยังสร้างให้ทีเร็กซ์ในตอนนี้มีพฤติกรรมแบบนกหรือไก่ คาบกิ่งไม้ ท่อนไม้ มาทำรังอีกต่างหาก ซึ่งกลายเป็นตลกไปเลย ไม่ใช่แค่นั้นยังพยายามสร้างพฤติกรรมไดโนเสาร์ตัวอื่นๆ
ให้เหมือนสัตว์โลกปกติแบบอ้างอิงกันง่ายๆ อย่างการมากินน้ำในบึงเดียวกันทั้งพวกกินเนื้อกับกินพืช ซึ่งดูเป็นการอ้างอิงซีรี่ย์ Netflixแบบดูเป็นการ์ตูนมากจนเกินไป ซึ่งภาคแรกไม่มีอะไรแบบนี้ให้เห็นเลย (ยกเว้นแค่ไดโนเสาร์เพื่อนรักของเบน)
ไดโนเสาร์ตัวรองในภาคนี้คือ “แบริออนิกส์” ที่พึ่งมีเพิ่มเติมมาในภาคนี้ ลักษณะก็แบบเดียวกับแรพเตอร์แต่เป็นขนาดตัวที่ใหญ่กว่า ซึ่งบทของเจ้านี่ก็มาเป็นแค่ตัวรองแบบออกมาน้อยฉากมากจริงๆ จนแทบไม่มีความสำคัญหรือเด่นอะไรกับเรื่องราวในภาคนี้จริงจังเลย
จุดเด่น
ซึ่งหลักสำคัญคือการไม่แบ่งแยกว่าสัตว์ตัวไหนเป็นผู้ล่าที่ดุร้าย หรือสัตว์ตัวไหนเป็นสัตว์กินพืช เราเลยเข้าใกล้ได้ การ์ตูนของเด็กจึงให้ตัวละครที่มีความรู้ความเข้าใจในไดโนเสาร์ เห็นว่าสัตว์ผู้ล่า ก็มีความต้องการจะมีชีวิต ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ตัวอื่นๆ เช่นเดียวกัน สัตว์กินพืช ก็มีมุมที่ดุร้ายได้เช่นกัน เมื่อเราหลงเข้าไปในถิ่นของมัน เพราะฉะนั้น เราจำเป็นจะต้องเคารพในความหลากหลายทางชีวภาพนั่นเอง
อีกหนึ่งเส้นเรื่องที่น่าสนใจในภาคนี้ คงเป็นเรื่องการที่มีตัวละครใหม่เข้ามา ซึ่งก็คือคู่รักนักล่าสัตว์แปลก ที่เข้ามาในเกาะเพื่อล่าไดโนเสาร์ไปเป็นที่ระลึก และเด็กๆจะต้องร่วมมือกันปกป้องสัตว์เหล่านี้เอาไว้ ซึ่งแม้ว่าสัตว์ตัวนั้น จะเป็นสัตว์ผู้ล่าที่ดุร้ายก็ตาม แต่พวกเขาก็มีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆนั่นล่ะ
จุดด้อย
แม้จะพยายามออกนอกสูตรสำเร็จไปแล้ว แต่เรื่องพอดำเนินไปได้สักพักก็วกกลับมาที่พวกเด็กๆ ต้องเจอกับมนุษย์ที่มาที่เกาะนี้ และก็กลายเป็นว่ามนุษย์ร้ายกว่าไดโนเสาร์ตามสูตรเดิมๆ ซึ่งไม่ต้องเขียนสปอยล์ออกมาทุกคนที่ดูจูราสสิคปาร์คมาก็คงรู้ว่ามนุษย์พวกนี้มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร
ซึ่งกลายเป็นพล็อตย่ำอยู่กับที่ไม่ควรหยิบมาใช้ซ้ำเลย ในเมื่อเรื่องในภาคแรกมีการวางไว้แล้วว่ามีบริษัทวายร้ายที่ส่งเด็กมาล้วงความลับที่นี่ ถ้าจะมีมนุษย์ตัวร้ายก็เป็นพวกนี้ก็ได้ ในภาคนี้ก็มีความพยายามโยงไปที่บริษัทนี้ในตอนแรก แต่กลายเป็นสุดท้ายถูกตัดบทไปไม่มีพูดถึงเลยอย่างน่าเสียดาย
ตัวเรื่องมีไคลแม็กซ์ใหม่เป็นการช่วยเหลือไดโนเสาร์ที่เหลืออยู่บนเกาะให้รอดตายจากมนุษย์ที่มายังเกาะ แต่ว่ามันกลับทำออกมาไม่สมเหตุผลและเป็นไปไม่ได้เลยว่าคนแค่สองคนจะมาทำอะไรใหญ่โตแบบนี้ และวิธีการก็ดูเด็กๆ มากจนทำให้ช่วงท้ายของเรื่องดูน่าเบื่อกว่าช่วงแรกที่พยายามให้มีซีนลุ้นหนีไดโนเสาร์แบบเดิมๆ ซะอีก
พัฒนาการของตัวละคร
พัฒนาการของตัวละครในภาคนี้ก็แทบไม่ขยับไปไหน แถมยังวนกลับมาให้บางคนอย่างเคนจิกลับมาเป็นพวกขี้เกียจกินแรงเพื่อนตามประสาลูกคนรวยอีก ทั้งๆ ที่ภาคก่อนก็ผจญภัยฝ่าฝันลบปมด้อยกันมาทุกคนจนภาคนี้ไม่น่าจะมาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว
แต่ตัวละครสำคัญที่หายไปในภาคแรกก็กลับมาอีกครั้ง แต่กลับมาแบบเป็นการ์ตูนเด็กมากๆ จนดูแปลกประหลาดจากโครงเรื่องปกติไปเลย
โดยรวม
ซีซั่นสองไม่ได้จบลงในตัว แต่มีขยักปมใหม่ไว้ตอนท้ายว่า มีไดโนเสาร์ลึกลับที่ยังคงไม่เปิดเผยออกมาที่เกาะแห่งนี้ เผื่อไปต่อซีซั่น 3 ต่อไปอีกครับ ซึ่งก็คงไม่นานเพราะแอนิเมชั่นเรื่องนี้เหมือนทำต่อเนื่องไว้แล้วจากภาคแรกที่ห่างจาภาคนี้แค่ 3 เดือน แม้จะไม่ประทับใจในภาคนี้มากๆ แต่ก็คงต้องดูต่อไปจนจบอยู่ดีครับ
สรุป
ภาคต่อที่เป็นแนวดำรงชีวิตให้รอดบนเกาะ แม้จะเป็นแนวทางใหม่ของเนื้อเรื่องจูราสสิคปาร์คแบบเดิมๆ ที่พยายามหนีจากเกาะ แต่กลายเป็นว่าเนื้อเรื่องเต็มไปด้วยความสมเหตุผลจนเรียกว่าย่อยยับเลยก็ว่าได้ และยังทำให้ไดโนเสาร์น่ากลัวอย่างทีเร็กซ์กลายเป็นตัวตลกไปเลย
Comments