รีวิว Hot Stove League - เดิมพันชะตาชีวิตของทีมท้ายตาราง
หากจะให้กล่าวถึงซีรีส์เกาหลีแนวสปอร์ตในใจที่ชอบ อาจจะคิดนานซักหน่อยเพราะไม่มีการผลิตออกมาบ่อย เพราะการทำซีรีส์แนวนี้หลายฝ่ายอาจจะคาดการณ์ถึงการตีกลุ่มเป้าหมายได้เพียงในตลาดเล็กๆ อาทิเช่น กลุ่มคนที่ชื่นชอบกีฬาซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายแต่กลุ่มคนที่ชอบดูซีรีส์ส่วนใหญ่คือผู้หญิง หรือ ซีรีส์ที่เน้นเฉพาะกีฬาชนิดใดชนิดหนึ่งก็น่าจะตอบโจทย์ได้เพียงคนดูที่ชอบและเข้าใจกีฬาประเภทนั้นๆ รีวิว Hot Stove League
เรื่องย่อ
แบคซึงซู (รับบทโดย นัมกุงมิน) อดีตผู้จัดการทีมกีฬาหลากหลายชนิดที่นำพาทีมของเขาเป็นแชมป์ได้ในทุกประเภทกีฬา (ฮอกกี้ มวยปล้ำ แฮนด์บอลหญิง) แต่แบคซึงซูเหมือนมีคำสาปติดตัวเพราะเมื่อทำทีมเป็นแชมป์ได้แล้ว
ในปีถัดมาทีมนั้นก็ถูกยุบ ควอนคยองมิน นักธุรกิจผู้บริหารทีม รู้ถึงคำร่ำลือนั้นจึงทาบทามเขามาเป็นผู้จัดการทีมเพื่อหวังจะให้ทีมเบสบอลที่ไม่เคยได้ผลกำไรของบริษัทถูกยุบไป
แบคซึงซูก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการคนใหม่ของทีมเบสบอล ‘ดรีมส์’ ซึ่งเป็นทีมเบสบอลที่ได้คะแนนเป็นอันดับสุดท้ายของตารางการแข่งขันมาตลอด 4 ปีซ้อน เขาพยายามปรับปรุงทีมเพื่อให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้นแม้ว่าจะเกิดการต่อต้านมากมายจากคนภายในตั้งแต่เริ่มต้น
แบคซึงซูอุดช่องโหว่ของทีมด้วยการปรับเปลี่ยนขายและซื้อตัวผู้เล่นที่เป็นผู้เล่นยอดนิยม กำจัดคนที่ทุจริตรับสินบนในการคัดเลือกนักกีฬาออกจากบริษัท กระตุ้นกลุ่มพนักงานทีมบริหารให้ทำงานอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และอื่น ๆ อีกมากมาย การกระทำของเขาแม้จะดูเป็นการสร้างศัตรูกับคนรอบตัวแต่สุดท้ายแล้วแบคซึงซูก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาทำทุกอย่างก็เพื่อทีมเบสบอล ‘ดรีมส์’ และเพื่อชัยชนะที่จะทำให้ดรีมส์ยังคงอยู่
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าผู้เขียนโดยปกติไม่ใช่สายสปอร์ตและไม่ดูกีฬา ถ้าจะให้พูดถึงเบสบอลว่ารู้อะไรบ้าง ความรู้เท่ากับศูนย์ แต่พลังงานที่ดึงดูดให้ลองดูเรื่องนี้ซักตั้งคือแน่นอน นัมกุงมิน นักแสดงคุณภาพที่ไม่ว่าจะเป็นสายตา, ท่าทาง, ความกลมกล่อมและความละมุนยังคงอยู่ในท่าทางของการแสดงในทุกเรื่องได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
นัมกุงมินคือนักแสดงที่สามารถแสดงได้ทุกบทบาทและเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรมชาติจนรู้สึกได้เลยว่าหนุ่มคนนี้ทำการบ้านมาก่อนออกกองแน่นอน รวมถึง พัคอึนบิน, โจบยองกยู และทีมนักแสดงที่ทำได้ดีทุกคน เป็นอีกทีมนักแสดงคุณภาพดีจริงๆ
ซีรีส์เรื่องนี้ได้ตีแผ่เบื้องหลังของวงการกีฬาเบสบอล หากจะถามว่าไม่ได้รู้จักกีฬาเบสบอลเลยจะสามารถดูเรื่องนี้ได้ไหม ก็ขอตอบเลยว่าดูได้แน่นอนเพราะอันที่จริงแล้วเรื่อง Hot Stove League แม้จะมีเบสอยู่ที่กีฬาเบสบอลแต่เป็นซีรีส์ที่เน้นไปในเรื่องราวของการบริหารทีม การจัดการคนในทีม การจัดการปัญหาเรื่องต่าง ๆ ของทีมเบสบอลมากกว่าการลงสนามแข่ง
เนื้อเรื่อง
ก่อนที่จะมาอยู่กับทีมดรีมส์ที่เป็นทีมบ๊วยในสายกีฬาเบสบอล ในฐานะผู้จัดการทีม ซึงซูเคยนำพาให้ทั้งทีมมวยปล้ำ ทีมฮอกกี้ และทีมแฮนด์บอลไปสู่ชัยชนะเพียงเพื่อจะได้เห็นพวกเขาแยกทางไปคนละทางเพราะไม่ได้รับความนิยมมาแล้ว แม้ว่าแฟน ๆ จะสูญเสียความเชื่อมั่นและมีแต่ดูหนังฟรีความสมเพชให้กับทีมดรีมส์
เมื่อได้เห็นเหล่าโค้ชกำลังทะเลาะกันแบบจัง ๆ และผู้เล่นในทีมที่ไม่ได้เต็มใจกับการมาของซึงซูเท่าไรนัก แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าจะพาทีมดรีมส์ไปคว้าแชมป์ให้ได้ อีเซยองเป็นผู้จัดการทีมผู้หญิงและเด็กที่สุดในทีม รวมทั้งเป็นแฟนของทีมดรีมส์มาหลายปี
เธอทำงานกับที่นี่มาเป็นสิบปี และก็เข้าใจถึงปัญหาที่ทีมกำลังเผชิญ อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่อยากยอมรับว่าการที่ทีมขาดทรัพยากรและปัจจัยต่าง ๆ นั่นคือปัญหาที่ทำให้ทีมล้มเหลว ผู้จัดการทีมสองคนที่ต้องทุกอย่างเพื่อฝ่าฟันปัญหา เซยองเข้าใจถึงเจตนาเบื้องหลังวิธีการนำทีมของซึงซู
รวมทั้งพยายามจะแก้ไขปัญหาในแบบของเธอเอง เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวชี้เป็นชี้ตายชีวิตของแต่ละคนเลยก็ว่าได้ มาติดตามชมกันว่า ผู้จัดการทีมทั้งสองจะสามารถถีบทีมตัวเองจากล่างสุดขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดได้หรือไม่
การดำเนินเรื่อง
แม้ว่าหนังออนไลน์จะข้องเกี่ยวกับกีฬาเบสบอลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นกีฬาเบสบอลในช่วงปิดฤดูกาลที่ยังไม่มีการแข่งขัน ซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินไปในแนวทางของการบริหารทีมนักกีฬาที่ใช้ทักษะเฉพาะตัวของผู้จัดการและทีมงานบริหาร ซึ่งจะมีตั้งแต่การซื้อขายนักกีฬา การดึงตัวนักกีฬาจากทีมอื่น
การค้นหานักกีฬาหน้าใหม่จากโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศผ่านทางทีมแมวมอง การคัดเลือกนักกีฬาแบบเข้าถึงตัวที่โรงเรียนมัธยม จนไปถึงการช่วยเหลือนักกีฬาจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ทีมงานของทีมเบสบอลนั้นมีหน้าที่หลากหลายจนเกินกว่าที่เราจะคิดถึงได้เลย
เพลงประกอบของเรื่องนี้เป็นเพลงสไตล์เฮ้ว ๆ บีทหนัก กลองรัว ๆ เช่นเดียวกับเพลงประกอบละครกีฬาทั่วไป ซึ่งเพลงเหล่านี้จะช่วยทำให้ผู้คนลุ้นระทึกและเร้าใจไปกับสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญ
ด้านนักแสดง
ยิ่งถ้ามองไปที่ตัวนักแสดงนำอย่าง นัมกุงมิน ซึ่งธรรมชาติของฮีมักจะรับเล่นซีรีส์ที่ไม่ได้ขายฉากฟินเวอร์ของตัวละคร เป็นนักแสดงคุณภาพที่ไม่เคยค้านสายตาในบทไหนเลย เป็นดาราชายที่มีฉากจูบที่น้อยแต่ดันมากได้หน้าตาเฉยในความรู้สึกของแฟนคลับ
พอพี่แกมาเล่นเรื่องนี้แรงจูงใจในการติดตามก็เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ และพาลนึกไปว่าเนื้อหาของเรื่องนี้ต้องน่าสนใจอย่างแน่นอน แล้วก็เป็นดังคาดซะด้วยสิ ซึ่งเรื่องนี้ นัมกุงมินได้เสนอชื่อเข้าชิง Best Actor (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม) แต่ก็พ่ายให้กับ คังฮานึล ในบท ฮวางยงชิกในเรื่อง When the Camellia Blooms ไปซะแล้ว
ในเรื่องนี้มีนักแสดงหญิงที่เป็นตัวหลักทำหน้าที่ผู้จัดการทีมบริหารเช่นกัน แต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่นั้นไม่ค่อยมี เลิฟไลฟ์ให้ใจเต้นตึกตักเท่าไหร่ ถ้าให้พูดตามตรงก็แทบจะไม่มีความโรแมนติกอยู่ในเรื่องเลย เรื่องรักไม่ต้องพูดถึง ทำงานกันตั้งแต่เช้าจรดดึก เน้นไปในแนวทางการหักเหลี่ยมเฉือนคมของการบริหารทีมที่ต้องต่อสู้กับทั้งคนในและคนนอกมากกว่า
แม้ว่าไม่รู้เรื่องเบสบอล
และถึงแม้ผู้เขียนจะไม่เคยรู้เรื่องเบสบอลมาก่อน หลังจากที่เปิดดูได้ไม่กี่ตอน ก็หยุดไม่ได้อีกเลย บางช่วงบางตอนยอมรับว่าไม่เข้าใจกฏกติกาหรือคำศัพท์บางอย่าง แต่หลังจากดูในตอนต่อไปก็จะเข้าใจทุกอย่าง
กุญแจหลักสำคัญอีกอย่างคือการดำเนินเรื่องด้วยความมันส์และซาวด์เพลงแนวร็อคสไตล์เสียงกลองหนักๆซึ่งทำให้ผู้ชมได้ลุ้นระทึกและเร้าใจไปกับการตัดสินใจทุกอย่างของผู้จัดการแบคที่แหกคอกอยู่ได้ตลอดเวลาเสียจริงๆ
ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ตัดต่อเรื่องราวได้น่าสนใจมากจนสนุกอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องใช้ความโรแมนซ์จากพระเอกนางเอกมาเป็นจุดขายเลย เรื่องนี้ขายคุณภาพล้วนๆ
นอกจากนั้นแล้วผู้เขียนยังได้เรียนรู้กีฬาเบสบอลนี้เพิ่มขึ้นอีก ด้วยความไม่ประสีประสากับกีฬามากนัก พอมาดูซีรีส์แนวนี้ก็รู้เลยว่างานบริหารทีมกีฬานี่ต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวสูงมากพอสมควร โดยเฉพาะการเป็นแมวมองหานักกีฬาหน้าใหม่มาเข้าร่วมทีมต้องไปตามหาจากทีมเด็กมัธยมโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศ จดทุกสถิติรัหว่างการเล่น
และสังเกตแม้กระทั่งว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้สูงเท่าไหร่เพราะจะได้คาดคะเนว่าน่าจะสูงไปได้มากกว่านี้หรือไม่ หากมีอาการบาดเจ็บฟื้นฟูได้เร็วแค่ไหน และสภาพจิตใจเข้มแข็งแค่ไหน เพื่อเตรียมจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้นหากต้องเข้ามาร่วมในทีม
ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น สาระที่ได้จากความแหกคอกของผู้จัดการแบคทำให้ผู้เขียนต้องจดไว้ในใจอย่างหนึ่งเลยว่าการที่เราเคารพและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคมมันคือสิ่งที่พึงกระทำเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรฐานที่ดีในการอยู่ร่วมกัน
แต่ต่างกันกับการปฏิบัติตัวในสังคมเพื่อคล้อยตามกับคนหมู่มาก อันนี้คนละกรณี ผู้จัดการแบคต้องการล้างบางทั้งระบบที่ส่อแววไม่ขาวสะอาดและไม่ภักดีต่อทีมดรีมส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีคนขึ้นมาทำเพียงเพราะคนเหล่านั้นหวาดกลัวการถูกเลือกปฏิบัติจากคนหมู่มาก
หากจะก่อตัวเป็นกบฏขึ้นมา นั่นจึงทำให้เกิดวัฒนธรรมการปฏิบัติแบบคล้อยตามกันและเงียบฉี่กันหมด จนได้มาเจอคนจริงแบบผู้จัดการแบคนี่แหล่ะถึงจะขึ้นชื่อว่าของจริงจ้า
โดยรวม
บทมีการเฉลี่ยความสำคัญของทุกตัวละครอย่างเท่าเทียมโดยชูโรงไปที่ ผู้จัดการแบคซึงซู มีการชิงไหวชิงพริบ การจัดการสังคมในทีม มีดราม่าซึ้ง ๆ ผสมสาระในเชิงกีฬาที่ทั้งมันทั้งสนุก เป็นซีรีส์น้ำดีที่ดูได้ทั้งครอบครัว
ให้แง่คิดการจัดการความรักความสามัคคี ความไว้เนื้อเชื่อใจและความมุ่งมั่น ที่ถือเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการทำกิจการงานทุกอย่าง ควรค่าแก่การนั่งดูกับคนในครอบครัวจริง ๆ นะเรื่องนี้ … เชียร์แรงอีกแล้ว
สรุป
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งในซีรีส์ที่ฉลาดในการพาผู้ชมล้มลุกคลุกคลานไปกับการแก้ไขและอุดช่องโหว่ของทีมดรีมส์ผ่านการจัดการของผู้จัดการแบคที่สะท้อนให้เห็นภาพของการทำงานในแบบเอาจริงและมืออาชีพ ไม่สนเสียงนกเสียงกา ไม่แคร์สายตาใครๆ
แต่กระนั้นก็อย่าลืมว่าคนลักษณะนี้มักจะมีศัตรูทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว ในซีรีส์ยังคงมีอีกหลายประเด็นให้ได้ลุ้นกันต่อไปอีกหลายตอนว่าอุปสรรคและปัญหาต่อไปของทีมดรีมส์ที่ผู้จัดการแบคต้องจัดการก่อนเปิดฤดูกาลใหม่นั้นคืออะไร และอนาคตของทีมดรีมส์จะจบลงในทิศทางไหน อยากให้ทุกคนมาลุ้นไปด้วยกันใน “Hot Stove League” ซีรีส์เบสบอลที่สนุ๊กกก
header.all-comments