รีวิว Finding ‘Ohana - ผจญภัยใจอะโลฮา
หากพูดถึงหนังผจญภัยล่าสมบัติที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี หนึ่งในหนังที่หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงอย่างหนังคลาสสิก Jumanji เกมทอยลูกเต๋าที่พาเราเข้าไปตะลุยกับเรื่องราวพิศวง หรือหากเป็นฝั่งแอนิเมชันที่นักเขียนชื่นชอบก็ต้องยกให้ Moana ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ ที่ได้โลเคชั่นสวยงามตามเกาะในทะเลสวย ๆ แถมตัวละครยังน่ารักเป็นผูกเรื่องราวชาวเกาะ ถูกจริตคนชอบเรื่องราวเกาะ ๆ และผจญภัย ที่กล่าวมายาวเหยียด ไม่ใช่อะไร เพราะวันนี้อยากจะมาแนะนำหนังจาก Original Netflix รีวิว Finding ‘Ohana
เรื่องย่อ
การผจญภัยสุดท้าทายเพื่อตามหาสมบัติที่สาบสูญบนเกาะโออาฮูในช่วงฤดูร้อนนำพาสองพี่น้องจากบรุกลินไปพบครอบครัว และได้สัมผัสรากเหง้าเชื้อสายฮาวายของตัวเอง
หากพูดถึงหนังผจญภัยล่าสมบัติที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี หนึ่งในหนังที่หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงอย่างหนังคลาสสิก Jumanji เกมทอยลูกเต๋าที่พาเราเข้าไปตะลุยกับเรื่องราวพิศวง หรือหากเป็นฝั่งแอนิเมชันที่นักเขียนชื่นชอบก็ต้องยกให้ Moana ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้
ที่ได้โลเคชั่นสวยงามตามเกาะในทะเลสวย ๆ แถมตัวละครยังน่ารักเป็นผูกเรื่องราวชาวเกาะ ถูกจริตคนชอบเรื่องราวเกาะ ๆ และผจญภัย ที่กล่าวมายาวเหยียด ไม่ใช่อะไรนะ เพราะวันนี้อยากจะมาแนะนำหนังจาก Original Netflix
เป็นแนว Family ผู้ใหญ่ดูได้ นั่งดูกับเด็กก็ยิ่งดี โดยผูกเรื่องไว้กับเกาะฮาวาย ใครที่ชื่นชอบเกาะฮาวายโดยส่วนตัวห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาด แถมนักแสดงในเรื่องยังน่ารัก สวยแปลกตา สอดแทรกเรื่องราวของวิถีชีวิตคนเกาะฮาวาย แอบกระซิบว่า นักแสดงในเรื่องยังมีเชื้อสายฮาวายเอียน ทำให้ดูไปไม่รู้สึกขัดอีกด้วย
เนื้อเรื่อง
หนังแนวผจญภัยล่าสมบัติที่ไม่ค่อยได้ทำออกมาบ่อยนัก ซึ่งถ้าเป็นหนังล่าสมบัติทุกคนคงคิดถึงอินเดียน่าโจนส์ก่อนเรื่องอื่น ซึ่งไม่ว่าใครทำออกมาก็ต้องมีพูดถึงการตามล่าสมบัติที่ดูเพ้อฝันเหมือนเป็นอินเดียน่าโจนส์
แต่เรื่องนี้แม้จะดูหนังฟรีมีอ้างอิงพูดถึงอินเดียโจนส์เช่นเดียวกัน แต่ธีมของเรื่องจริงๆ คือมาจาก หนังคลาสสิคขึ้นฮอลออฟเฟรมของอเมริกา “กูนี่ส์ ขุมทรัพย์ดำดิน” ที่ฉายเมื่อปี 1985 ที่เป็นเรื่องราวของกลุ่มเด็กผจญภัยล่าสมบัติโจรสลัดภายใต้ท่อระบายน้ำของเมือง
เพื่อหาเงินมาจ่ายบ้านที่ถูกยึด ซึ่งจะต่างจากอินเดียน่าโจนส์ตรงที่ว่า โครงเรื่องในอินเดียน่าโจนส์ถูกปูมาแล้วว่ามีสมบัติจริงๆ และพระเอกเป็นนักล่าสมบัติ แต่ในกูนีส์คือเด็กน้อยที่ตามล่าตำนานที่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่
แต่ถ้าไม่ทำชีวิตและความฝันของพวกเขาจะจบสิ้นลง ซึ่ง Finding ‘Ohana ก็ใช้พล็อตเดียวกันนี่แหละ แต่ย้ายโครงเรื่องจากเมืองใหญ่มาเป็นเกาะเล็กๆ ส่วนหนึ่งของฮาวาย ซึ่งมีตำนานเรื่องเล่าสมบัติโจรสลัดหลงเหลืออยู่เช่นกัน
เนื้อเรื่องเริ่มขึ้นที่ “พิลลี่” สาวน้อยวัย 12 ขวบที่รักเกมล่าหาสมบัติแบบเป็นแฟนตัวยง ได้ตามครอบครัวมาเยี่ยมคุณตาบนเกาะแห่งนี้ แต่เธอกลับได้พบสมุดบันทึกเก่าแก่ถึงตำนานขุมทรัพย์โจรสลัดที่นำมาซ่อนไว้ที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วตำนานเรื่องนี้คนบนเกาะก็รู้จักกันดี แต่กลับไม่มีใครตามหาสมบัติเจอ
ซึ่งเธอก็ตัดสินใจตามล่าสมบัติในตำนานนี้เพื่อหาเงินมาใช้หนี้แทนคุณตาที่บ้านและที่ดินบนเกาะนี้กำลังจะถูกยึด โดยได้ความช่วยเหลือจากหนนุ่มน้อยเพื่อนใหม่วัยเดียวกันบนเกาะอย่าง “แคสเปอร์” แต่พี่ชายของพิลลี่ “อีโออาเน่” กับ “ฮานะ” พี่สาวของแคสเปอร์เองก็มาตามพวกเขากลับไปด้วย โดยไม่เชื่อว่าตำนานนี้เป็นเรื่องจริง
การดำเนินเรื่อง
ตัวหนังถูกทำออกมาในแบบเรียลๆ มากกว่าจะเป็นแฟนตาซีเหนือธรรมชาติชัดเจนแบบอินเดียน่าโจนส์ ซึ่งก็คล้ายกับกูนีส์ตรงที่อุปสรรคระหว่างเส้นทางผจญภัยในเรื่องจะไม่มีอะไรที่เหนือธรรมชาติหรือเป็นกลไกลกับดักที่ออกแบบมาเว่อร์ๆ
จนงงว่าไปสร้างกันในที่แคบแบบนั้นกันตอนไหน ซึ่งการออกแบบให้มีอุปสรรคแบบนี้ถือว่ายากเลย เพราะไม่สามารถครีเอทอะไรหวือวามากไปกว่าธรรมชาติที่ควรจะเป็นได้เลย ฟังดูอาจจะดูเหมือนทุนต่ำน่าเบื่อ แต่เรื่องก็หาอุปสรรคที่ดูสมจริงมากที่สุดใส่มาให้ได้ลุ้นกันแบบกำลังดี
อย่างสะพานเชือกข้ามลาวาที่ขาดทำอย่างไรถึงจะข้ามไปได้ ซอกถ้ำหินงอกหินย้อยที่คมบาดเนื้อ แมงมุมพิษ อุโมงค์ใต้น้ำ ซึ่งแม้จะดูธรรมดาสำหรับแนวนี้ แต่เรื่องก็ดึงให้คนดูได้ลุ้นสนุกในแบบเรียลๆ พร้อมติดตลกนิดๆ ไปตลอดทางจนจบได้โอเคเลย
แต่ว่าในส่วนตอนจบนี้เองที่หลุดจากหนังใหม่ชนโรง ความเรียลในตอนแรกไปมาก จนทำให้การผจญภัยแบบธรรมชาติดิบๆ ที่ปูมาทั้งเรื่องดูหลุดเป็นแฟนตาซีน้ำเน่าไปเลย (แต่ถ้าใครไม่ได้สนใจตรงนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรครับ)
ส่วนใครที่หวังว่าเรื่องนี้จะมีตัวร้ายตามล่าแบบสูตรหนังแนวนี้ อันนี้ต้องบอกว่าไม่มีครับ ทั้งเรื่องคือการผจญภัยของกลุ่มเด็ก 4 คนล้วนๆ แต่ว่าเนื้อเรื่องก็มีย้อนกลับไปยังที่มาของโจรสลัดเป็นระยะๆ ซึ่งมีความคลุมเครือของเรื่องราวว่าใครกันแน่คือคนร้ายที่ฆ่าเหล่าลูกเรือ ซ่อนอยู่เป็นปมปริศนาบางๆ ไว้นิดนึงเท่านั้น
ปกติหนังที่ตัวเอกเป็นเด็กมักจะมีความน่ารำคาญเอาแต่ใจปะปนอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้เด็กทั้งสองคนเป็นตัวละครที่คอยชี้นำผู้ใหญ่มากกว่า ซึ่งพิลลี่เองตอนต้นเรื่องหนังแสดงให้เห็นว่าเธอมีสกิลความสามารถในเกมล่าสมบัติสูงมาก
ส่วนแคสเปอร์เองก็รอบรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา จนเอามาประยุกต์ใช้ฝ่าอุปสรรคได้อย่างชาญฉลาด โดยที่ไม่มีเรื่องรักของเด็กทั้งสองคนนี้มาวุ่นวายอะไรเลยด้วย ต่างกับพี่ชายกับพี่สาวของพวกเขาที่เป็นคู่กัด แต่พี่ชายพิลลี่ก็แอบปิ๊งเธอตั้งแต่แรก
แต่ฮานะกลับเป็นสาวแข็งไม่หวาน และก็ดูนิสัยตรงข้ามกับเขาทั้งหมด และพี่น้องสองคู่นี้ก็มีความต่างกันตรงคู่ของพิลลี่กับอีโออาเน่ทะเลาะกันตลอดเวลา กลับกันคู่ของฮานะกับแคสเปอร์รักและดูแลกันมาก ซึ่งก็กลายเป็นตัวอย่างที่ดีให้พิลลี่กับอีโออาเน่ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันในระหว่างการผจญภัย มีแอบซึ้งนิดๆ กับการเปิดใจของทั้งคู่ในที่สุด
การอนุรักษ์ธรรมชาติ
เนื้อเรื่องนอกจากจะเกี่ยวกับการตามล่าสมบัติแล้ว หนังพยายามสอดแทรกเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ เผ่าพันธ์เชื้อสายดั้งเดิมของฮาวายไว้ตลอดทั้งเรื่อง ตัวเอกในเรื่องทั้งหมดคือเชื้อสายฮาวาย ซึ่งอีโออาเน่มีปัญหากับชื่อฮาวายของเขา
ที่ตอนอยู่เมืองกรุงเขาพยายามเลี่ยงไม่ใช้ ให้คนเรียกเขาว่าอีแทน โดยไม่บอกชื่อเต็ม ต่างกับฮานะที่เป็นสาวบนเกาะ ทั้งหน้าตารูปร่างคือโดดเด่นสวยเข้มแปลกตามาก และก็เป็นคนฮาวายที่รักษาทั้งภาษาและวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ เหมือนตาของพิลลี่เองก็เช่นกันที่พยายามอยู่กับธรรมชาติบนเกาะ
รักษาภาษาฮาวายให้ลูกหลานที่มีเชื้อสายเดียวกัน ซึ่งจุดนี้มีความสำคัญกับตอนจบของเรื่อง แม้จะดูน้ำเน่าไปนิดก็ตาม นอกจากนี้ก็มีมุกตลกเกี่ยวกับฮาวายที่หลายคนคงไม่รู้ อย่างความนิยมในตัวคีอานูรีฟดาราดังที่เป็นคนฮาวายก็ถูกเชิดชูให้เป็นความภูมิใจสูงสุดของที่นี่
จุดขัดใจ
สิ่งที่อาจจะมีขัดใจไปบ้าง ด้วยความที่อยากจะยัดทุกอย่าง เหมือนเป็ดที่อยากจะผจญภัยด้วย family ด้วย ดราม่าพอกรุบกริบ แต่ก็ไม่ให้เว่อเกินครอบครัวดูได้จนทำให้รู้สึกว่า ไม่สุดสักทาง ดูจบก็รู้สึกว่าดี แต่ไม่ได้ขนาดว่า ตราตรึงใจ เหมือนอย่างเรื่อง Jumanji ภาคแรกคลาสสิกมาก ดูกี่ทีก็ยังชอบมาก
หรือ Peter Pan ที่เล่นปมไม่อยากโตเป็นเด็ก ตอนจบก็คือดีมาก ร้องไห้สามวัน แต่เรื่องนี้อาจจะไม่ได้สุดสักทาง แต่ทำได้ดีมากในส่วนพยายามเสนอวิถีชีวิตของชาวฮาวายโดยเล่าผ่านเรื่องราวของพิลลี่ เด็กสาวที่ชื่นชอบการผจญภัย
จุดเด่น
ชุดนักแสดงที่แสดงในเรื่องมีเชื้อสายฮาวาย ไม่ขัดตาใด ๆ แถมความน่ารักของพี่ชายอีโออาเน่ พี่ชายของพิลลี่ที่แม้จะชอบกัดกับน้องสาวตลอด ปากก็บอกว่าเกลียดแต่สุดท้ายก็เป็นห่วง รักน้องแหละ และคุณตาที่พยายามสอนพิลลี่ถึงความเป็นฮาวาย ความเป็น Ohana หรือ ที่แปลว่า ( Family ) ครอบครัวในภาษาฮาวาย หนังได้ใส่ความเป็นฮาวายได้เข้ามาอย่างเนียน ๆ ดูแล้วน่ารัก อบอุ่น
และหนังมีโลเกชั่นที่สวยมากหลายฉาก ตั้งแต่พื้นที่โล่งก่อนเข้าถ้ำไปผจญภัย ซึ่งมีเกร็ดเสริมด้วยว่าฉากที่เห็นนี่คือที่ยอดฮิตของภาพยนตร์ดัง จูราสสิคปาร์คกับซีรีส์ Lost ซึ่งก็มีแอบจิกกัด Lost ไว้ขำๆ ด้วยในบทสนทนาที่คงมาจากเรื่องจริงที่ว่านักท่องเที่ยวนิยมมาตามรอยพื้นที่นี้จาก Lost ทั้งๆ ที่เรื่องก็ไม่ได้ดีมาก จบก็งงๆ
แต่เพราะคนดูมา 6 ปีต่อกันก็เลยผูกพันซะงั้น ซึ่งโลเกชั่นในเรื่องนี้ถ้าใครดู Lost กับจูราสสิคมากก็คงนึกออกทันที นอกจากนี้ในถ้ำเองก็ยังมีฉากถ้ำเรืองแสงที่สวยมาก รวมถึงฉากถ้ำระหว่างน้ำตกในตอนจบที่สวยจริงๆ แต่ไม่แน่ใจว่ามีจริงในฮาวายหรือไม่
สรุป
ถือเป็นหนังแนวผจญภัยล่าสมบัติสเกลเล็กที่ทำออกมาดูเพลินใช้ได้เลย อุปสรรคเป็นแนวธรรมชาติเรียลๆ ไม่ได้โอเวอร์แบบเรื่องอื่นๆ โลเกชั่นเกาะฮาวายสวยๆ หลายฉาก ตัวละครเด็กไม่น่ารำคาญ มีการผูกปมหลายอย่างเข้ากันได้ดี
ใครที่ชอบแนวนี้ที่ค่อนข้างมีแต่หนังคลาสสิคเก่าๆ ทำออกมาก็สนุกไปกับเรื่องนี้ได้แน่นอน แต่ถ้าคาดหวังความเว่อร์ของการผจญภัยล่าสมบัติสเกลใหญ่แบบอินเดียน่าโจนส์นี่ข้ามไปเลยครับ
Comments