รีวิว วอน (เธอ) - Wan Ther
แม้หนังไทยทุกปีที่ออกฉายจะมีหนังรักเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญเสมอแต่ก็น้อยเรื่องที่จะเลือกเล่า 1 เหตุการณ์ในมุมมองของตัวละครแต่ละตัวที่แตกต่างกันโดยหนังไทยที่เคยทำประเด็นนี้ได้โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น fake โกหกทั้งเพ (2546) ที่เคยถูกพูดถึงในแง่การออกแบบงานภาพได้อย่างโดดเด่นและปีนี้ วอน(เธอ) ก็มาในคอนเซปต์ที่ใกล้เคียงกันอย่างน่าตกใจ รีวิว วอน (เธอ)
เรื่องย่อ
เนเน่ (ฟ้า ษริกา) สาวสวยเสน่ห์แรงเป็นศูนย์กลางของเรื่องที่มีหนุ่ม ๆ ต่างหมายปองในตัวเธอ ทั้งเดียว (มีน พีรวิชญ์) หนุ่มขี้อายที่หลงรักเนเน่ตั้งแต่แรกเห็น บิว (พีค ภีมพล) เพื่อนรักของเดียวที่เป็นตัวแปรสำคัญในความสัมพันธ์ครั้งนี้และโอม (เซ้นต์ ศุภพงษ์) หนุ่มหล่อเพลย์บอยที่มาทีหลังแต่กลับสานสัมพันธ์กับเนเน่อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อความรักของเนเน่มีให้ได้แค่คนเดียวสุดท้ายเธอจะเลือกใครและความสัมพันธ์ครั้งนี้จะมีบทสรุปเช่นใด
แม้หนังไทยทุกปีที่ออกฉายจะมีหนังรักเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญเสมอแต่ก็น้อยเรื่องที่จะเลือกเล่า 1 เหตุการณ์ในมุมมองของตัวละครแต่ละตัวที่แตกต่างกันโดยหนังไทยที่เคยทำประเด็นนี้ได้โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น fake โกหกทั้งเพ (2546) ที่เคยถูกพูดถึงในแง่การออกแบบงานภาพได้อย่างโดดเด่นและปีนี้ วอน(เธอ) ก็มาในคอนเซปต์ที่ใกล้เคียงกันอย่างน่าตกใจ
วอน (เธอ) เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ ชิง สุโกสินทร์ อัครพัฒน์ ที่เคยอยู่เบื้องหลังบทหนังในซีรีส์ตีสามของไฟว์สตาร์มาก่อน และต้องบอกว่าการเลือกเล่าหนังในมุมมองตัวละครแต่ละตัวต่อ 1 เหตุการณ์ที่ให้ผลลัพธ์ต่างกันก็นับว่าทะเยอทะยานไม่น้อยแถมยังออกแบบงานศิลป์ทั้งการจัดแสงและงานอาร์ตแบบแยกสีตัวละครก็ถือเป็นเหมือนทายาทห่าง ๆ ของ Fake โกหกทั้งเพ ไม่น้อยเลย
แต่กระนั้นสิ่งที่บล็อกไม่ให้มันไปสู่เป้าหมายอย่างงดงามก็คือบทภาพยนตร์นี่แหละครับคือพอดูหนังที่ความยาวร่วม 2 ชั่วโมง 4 ตัวละครที่วนเวียนแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ โดยที่ตัวละครไม่ได้มีพัฒนาการอะไรเลยสักตัวมันเลยเหมือนเรากำลังพายเรือวนในอ่างไม่ไปไหน
เนื้อเรื่อง
วอน (เธอ) เลือกจะเปิดเรื่องราวมาด้วยการใช้ประโยคที่ว่า "เพราะทุกคนย่อมเป็น พระเอก นางเอก ในเรื่องของตัวเองเสมอ" ก่อนที่จะตัดแบ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผ่านมุมมองของตัวละครทั้งสี่อันประกอบไปด้วย เดี่ยว (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) โอม (เซ้นต์-ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา) บิว (พีค-ภีมพล พาณิชย์ธำรง) และปิดท้ายด้วย เนเน่ (ฟ้า-ษริกา สำรทศิลป์ศุภา)
หนังเลือกใช้ เนเน่ (ฟ้า ษริกา)สาวสวยเสน่ห์แรงเป็นศูนย์กลางของเรื่องที่มีหนุ่ม ๆ ต่างหมายปองในตัวเธอ ทั้งเดียว (มีน พีรวิชญ์) หนุ่มขี้อายที่หลงรักเนเน่ตั้งแต่แรกเห็น บิว (พีค ภีมพล) เพื่อนรักของเดียวที่เป็นตัวแปรสำคัญในความสัมพันธ์ครั้งนี้
และโอม (เซ้นต์ ศุภพงษ์) หนุ่มหล่อเพลย์บอยที่มาทีหลังแต่กลับสานสัมพันธ์กับเนเน่อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อความรักของเนเน่มีให้ได้แค่คนเดียวสุดท้ายเธอจะเลือกใครและความสัมพันธ์ครั้งนี้จะมีบทสรุปเช่นใด
การที่ดูหนังออนไลน์ เลือกจะเล่าเรื่องราวของเดี่ยวก่อน คือการทำให้คนดูเห็นว่าการที่ชายคนหนึ่งตกหลุมรักผู้หญิงสักคนนั้น เขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการทำให้เธอชอบ แม้ว่าความเป็นจริงแล้วอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยก็ตาม
อย่างที่บอกเมื่อหนังเลือกจะเสนอเรื่องราวความรักผ่านสายตาของตัวเอกแต่ละตัว ตัวละครในแต่ละพาร์ทจึงจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเองและมองว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว กลอุบายที่หนังวางเอาไว้จึงเริ่มสัมฤทธิ์ผลในเรื่องราวของคนต่อๆมาที่พลิกความรู้สึกของคนดูว่า จริงๆแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครก่อนหน้านั้น ความเป็นจริง “เรื่องจริง” ที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะไม่ได้เป็นไปตามมุมมองของตัวละครอีกคน
แม้หวังว่าสุดท้ายเราจะเข้าใจตัวละครแต่ละตัวมากขึ้นบ้างแต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้รู้จักตัวละครมากขึ้นเลยเมื่อหนังจบจนน่าเสียดายคอนเซปต์ในการถ่ายทอดเรื่องราวที่ถูกคิดมาอย่างดีแถมในบางจังหวะพอหนังเปลี่ยนมุมมองการเล่าเรื่องเราจะเห็นช่องโหว่ในการลำดับเหตุการณ์ที่ดูสับสนจนงงว่าเหตุการณ์ไหนมาก่อนเหตุการณ์ไหนกันแน่จนขาดความสมเหตุสมผลไปหน่อย
การเล่าเรื่อง
การเล่าเรื่องเหตุการณ์เดียวผ่านมุมมองของตัวละครที่แตกต่างกัน ความสนุกของวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้อยู่ตรงที่การเล่นกับความแตกต่างผ่านมุมมองของแต่ละตัวละคร
เป็นรูปแบบการเล่าเรื่องเว็บดูหนัง ที่ท้าทายให้คนดูค่อยๆ ต่อจิ๊กซอว์จากแต่ละเรื่องราว ในตอนท้ายอาจเฉลยให้เห็นเรื่องราวที่ถูกต้องที่สุด หรืออาจไม่ให้เห็นเลยก็ได้ เป็นภาระของคนดูที่ต้องตีความและทำความเข้าใจเอาเอง
อาจเพราะประเด็นหลักของเรื่องวนเวียนอยู่กับเรื่องราวความรัก ความพยายามเผยความในใจ การพิสูจน์ตัวเอง การไม่ได้ปูพื้นตัวละครให้คนดูรู้จักมากพอ การเล่าเรื่องเฉพาะช่วงที่เกี่ยวข้องกับตัวละครในตอนของตัวเอง
ที่ยังไม่ทันไต่กราฟความน่าสนใจและน่าติดตามได้เพียงพอ แต่เหมือนเป็นภาคบังคับ ที่ต้องพาตัวละครไปสู่บทสรุปในตอนของตัวเองให้ได้ทำให้บางช่วงบางตอน เราอาจไม่สามารถทำความเข้าใจกับการแสดงออกของตัวละคร
โดยเฉพาะช่วง 2 ตอนแรกของหนัง เรื่องของเดี่ยวและโอม หนังมาดีขึ้น ช่วง 2 ตอนหลัง กับเรื่องของบิวและเนเน่ ที่องค์ประกอบของเรื่องราวเริ่มเข้าที่เข้าทาง ซึ่ง 2 ตอนหลังนี่เอง ถึงทำให้รู้สึกว่าได้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆ (เสียที)
ด้านนักแสดง
ทางฝั่งของการแสดงของนักแสดงนำทั้ง 4 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์บนจอใหญ่มาก่อน แต่ปรากฏว่าพวกเขาสามารถถ่ายทอดคาแรกเตอร์ออกมาได้ค่อนข้างดีกว่าที่คิดเอาไว้
เริ่มต้นที่ "ฟ้า ษริกา" คนนี้คนไม่ได้พูดอะไร เพราะมีชั่วโมงบินสูงกว่าคนอื่นๆ เสน่ห์ของเธอตราตรึงใจไว้ตลอดทั้งเรื่อง และยังเป็นตัวละครหลักที่คอยแบกรับหนังเอาไว้ด้วย
ในขณะที่ "มีน พีรวิชญ์" การสามารถตีโจทย์แตกในคาแรกเตอร์ที่เขาได้รับอยู่ และถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ เช่นเดียวกับ "เซ้นต์ ศุภพงษ์" ที่ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่เบากับการแสดงของเขา แม้จะเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต แต่ซีนอารมณ์ทำออกมาได้ค่อนข้างดี และ "พีค ภีมพล" ที่ถือว่าสปอตไลท์ส่องมาที่เขาเต็มๆ ในหนังเรื่องนี้ เสน่ห์และออร่าเปล่าประกาย ทั้งยังการแสดงที่เหนือความคาดหมายด้วย
วอน(เธอ) อาจจะไม่ใช่หนังรักที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่หนังก็มีดีได้ด้วยในการนำเสนอและถ่ายทอดเรื่องราว แบบว่าจะมีจุดด้อยอยู่ประปราย แต่การสร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวละครของหนังทำได้ดี เห็นได้ชัดว่าเป็นหนังที่สร้างมิติให้กับทุกๆ ตัวละครหลักอย่างเด่นชัด ทุกคาแรกเตอร์ที่ต้นสายปลายเหตุ มีเหตุผล และถูกขยายออกมาเป็นอารมณ์เฉพาะตัวของแต่ละคน
ด้านอื่นๆ
เมื่อมองอีกมุมมองหนึ่งก็พบว่า วอน(เธอ) มีโครงเรื่องอยู่แค่หยิบมือหนึ่ง แต่พิถีพิถันในการตีความและเล่าเรื่องในอีกมุมมอง หากหนังเลือกใช้วิธีเล่าเรื่องธรรมดาทั่วไปก็คาดว่าน่าจะเป็นหนังความยาว 90 นาทีจบได้สบายๆ
แต่เมื่อนำมาร้อยเรียงเรื่องราวเป็นมุมมองของตัวละครทั้ง 4 คน พร้อมทั้งขยายโทนความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองด้วย ทำให้หนังที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง กลายเป็นความเติมเต็มที่กำลังกระชับพอดี
อีกจุดหนึ่งที่อาจพอให้อภัยได้แต่มันก็เป็นแผลเป็นที่เหวอะหวะจริง ๆ ก็คือการแสดงนี่แหละครับบางทีผู้กำกับอาจดีไซน์ตัวละครแบบอยากให้คนดูรักตัวละครมากไปหน่อยจนมันดูฝืน ๆ อย่างบทเดียวที่ไม่ได้ให้มีน พีรวิชญ์ทำอะไรไปมากกว่าการเป็นหนุ่มขี้อายน่ารัก ๆ ที่ช้ำรักหรือโอมที่พีค ภีมพลนอกจากโชว์หน้าหล่อ ๆ และร้องไห้ปลอม ๆ แล้วหนังก็แทบจะไม่ได้ท้าทายความสามารถอะไรของเขาออกมาสักเท่าไหร่
ส่วนฟ้า ษริกาผมยอมรับนะครับว่าเธอสวยและหนังก็ทำให้เธอรู้ตัวตลอดเวลาว่าเธอสวย จนจริตจะก้านอะไรดูสวยไปหมดแต่พอดูไปนาน ๆ แล้วมันก็ออกมาฝืนอยู่ดี และจุดบอดจากบทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องจากหลายมุมมองก็ทำให้คาแรกเตอร์เธอไม่นิ่งสุดท้ายแทนที่หนังจะทำให้เราเห็นใจหรือเข้าใจในเหตุผลการตัดสินใจของเธอมากขึ้นสุดท้ายก็กลายเป็นหลุมดำอยู่ดี
โดยรวม
ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเดินหน้าไปสู่บทสรุปว่า “ทำไม” และ “เกิดอะไรขึ้นกับเนเน่” ระหว่างทางของหนังก็เปิดโอกาสให้นักแสดงชายแต่ละคนได้รับโอกาสในการโชว์สกิลด้านการแสดงอยู่ไม่น้อย ซึ่งคนที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นพีค-ภีมพล พาณิชย์ธำรง ในบทบิวเพื่อนสนิทของเดี่ยว
ที่พยายามเป็นคนกลางในการคอยช่วยเหลือเพื่อนตัวเองให้สมหวังในความรัก ทั้งที่ลึกๆในใจเขาก็ยังอะไรบางอย่างที่ไม่อาจจะพูดออกไปได้เช่นกัน หากใครที่มองว่าหนังไทยกระแสหลักปีนี้ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ วอน(เธอ) อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
สรุป
โดยสรุปแล้ว วอน(เธอ) ถือว่าเป็นหนังไทยที่อาจจะถูกประเมินค่าต่ำและคนน่าจะมองข้ามไป เพราะภาพลักษณ์ของหนังที่อาจจะไม่ดึงดูดใจสักเท่าไหร่ ซ้ำยังเต็มไปด้วยนักแสดงใหม่ๆ ที่ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่คนดูทั่วไปจะสนใจ
แต่ต้องยอมรับว่าเนื้อหาของหนังมีความดีความกว่าที่คิด เพราะทุกคนย่อมเป็นพระเอก-นางเอกในเรื่องของตัวเองเสมอ...คอนเซ็ปต์นี้ถูกใช้มาเป็นประเด็นหลักของหนัง และยังสะท้อนกลับไปถึงคนดูได้ด้วยเช่นกัน
Comments