รีวิว The Nun - เดอะ นัน
เดอะ นัน คือหนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดของจักรวาล The Conjuring เป้าประสงค์ของหนังเรื่องนี้คือการต่อยอดคาแรกเตอร์ตัวละครสุดขโมยซีนใน The Conjuring 2 อย่างผีแม่ชี หรือเป็นร่างจำแลงของปีศาจร้ายที่ชื่อว่า “วาลัค” ให้ผู้ชมได้มีโอกาสรู้จักต้นกำเนิดและที่มาที่ไปของปีศาจตนนี้ให้มากขึ้น รีวิว The Nun
เรื่องย่อ
แม่ชีสาวกับบาทหลวงออกเดินทางไปยังโรมาเนียเพื่อสืบค้นหาความลับเกี่ยวกับที่มาที่ไปของวิญญาณร้ายที่สิงสู่อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เรื่องที่ 5 ในจักรวาล the conjuring หลังจากดึงตุ๊กตาผีแอนนาเบลล์ มาเป็นภาคแยกไป 2 เรื่อง ก็ถึงคราวของ ผีแม่ชี ที่ไปสร้างความน่ากลัวจนเป็นที่จดจำใน The Conjuring 2 (2016)
ผีแม่ชี ก็เลยได้เป็นผีตัวที่ 2 ที่ได้มีเรื่องราวภาคแยก ที่พาผู้ชมย้อนอดีตไปดูความเป็นมาของผีแม่ชีตัวนี้ และตัวต่อไปที่จะมีเรื่องราวหนังภาคแยกของตัวเองก็คือ The Crooked Man ผีชุดแดงถือร่มที่โผล่มา 2 ฉากใน The Conjuring 2 เช่นกัน
แม้ว่า เจมส์ วาน ผู้ให้กำเนิดจักรวาล The Conjuring ไม่ได้มากำกับ แต่ก็ยังเป็นคนเขียนเรื่องร่วมกับ แกรี่ เดาเบอร์แมน ที่เพิ่งมีผลงานสุดฮิตอย่าง “IT” และเจมส์ ก็ยังนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง และมาช่วยในขั้นตอนถ่ายทำซ่อมด้วย
เนื้อเรื่อง
เหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้น ณ โบสถ์หลังใหญ่ใกล้เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในโรมาเนีย ทำให้ทางสำนักวาติกันต้องส่งคนมาตรวจสอบ ฟาเธอร์เบิร์ก (Demián Bichir) ผู้เรียกตนว่าเป็น ‘Miracle Hunter’
และแม่ชีผู้ฝึกหัดผู้ยังไม่ผ่านการสาบานตน ซิสเตอร์ไอรีน (Taissa Farmiga) ทั้งสองถูกส่งตัวมาเพื่อค้นหาความจริงจากเหตุพิลึกที่เกิดขึ้น การแขวนคอฆ่าตัวตายและเหตุอันแปลกประหลาดที่สมควรถูกไขให้กระจ่าง
เมื่อไปถึงที่นั่น พวกเขาก็พบว่ามันเป็นโบสถ์หลังใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน แถมชาวบ้านก็เลือกที่จะไม่พูดถึง มีเพียงชายคนเดียวที่มีหน้าที่ต้องไปส่งของที่นั่นทุกสามเดือน และเขาคือผู้พบศพแม่ชี ชายผู้เรียกตัวเองว่า เฟรนชี่ (Jonas Bloquet) ที่กลายเป็นตัวละครสำคัญในการไขปริศนาอันแสนสยองขวัญเช่นนี้
พวกเขาค้นพบสาสน์ลับจากปีศาจ ไม่เพียงชีวิตที่ตกอยู่ในอันตราย ทว่ายังรวมไปถึงชะตากรรม จิตวิญญาณของพวกเขาเอง และพวกเขาต้องเผชิญกับพลังงานที่มุ่งร้ายที่มาในรูปลักษณ์แม่ชี...ปีศาจ!!
การเล่าเรื่อง
เรื่องราวของ The Nun พาเราย้อนไปในปี 1952 ในทรานซิลวาเนีย ,โรมาเนีย ที่วิหารโบราณในป่าลึก มีแม่ชีสาวแขวนคอตาย ซึ่งเป็นเรื่องผิดบาปมากในคริสตจักร เรื่องราวรู้ไปถึงสำนักวาติกัน จึงส่งบาทหลวงเบิร์ค
พระนักสืบไปลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสการตายของแม่ชี พร้อมกับ ซิสเตอร์ไอรีน แม่ชีฝึกหัดให้ไปเป็นผู้ติดตามและคอยช่วยเหลือ ทั้งคู่ยังได้แฟรนชี่ หนุ่มผู้ชำนาญพื้นที่ไปคอยส่งและรับนักบวชทั้งสอง
แต่ก็ต้องตกกระไดพลอยโจนอยู่เผชิญความน่ากลัวในวิหารร้างนั้นไปด้วย ทั้ง 3 ยิ่งตามสืบก็ยิ่งเจอเรื่องราวขนหัวลุกมากมาย ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับ “วาลัก” ที่ปรากฏกายในร่างผีแม่ชี ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายของแม่ชีสาว และทั้ง 3 ก็ต้องร่วมมือกันยับยั้งแผนการร้ายของมัน
บทหนังฝีมือของ แกรี่ เดาเบอร์แมน ทำได้ดีในเรื่องดูหนังออนไลน์การเพิ่มเติมความลึกลับซับซ้อนเข้าไปในเรื่องราวสยองขวัญ ช่วยเสริมให้ The Nun ดูมีความแตกต่างจากหนังในครอบครัว The Conjuring ที่ไม่ได้ขายความสยองกันอย่างเดียว
แต่มีการคลี่คลายปริศนาการฆ่าตัวตาย สืบหาจุดประสงค์ของวาลักที่มุ่งโจมตีเหล่าแม่ชีในวิหารแห่งนี้ และถอดปริศนาหาอาวุธมากำราบผีแม่ชี แต่ถึงแม้จะมีเรื่องราวการผจญภัยและปริศนามาสอดแทรก แต่เรื่องความสยองก็ไม่ได้น้อยลงไป
ในเวลา 90 นาทีของหนังอัดความสยองมาแบบเต็ม ๆ เพราะหนังไม่ได้มีแค่ผีแม่ชีตามชื่อเรื่องเท่านั้น ยังมีผีเด็ก ผีแม่ชีสาว ที่สยดสยองไม่แพ้กัน แล้วก็ออกมาถี่ ๆ เสียด้วย เป็นหนังผีที่ผีดุ ผีออกถี่ แทบไม่ให้ได้พักหายใจ
ตัวละครหลัก
ตัวละครหลักในหนังมีแค่ 3 คน คือบาทหลวงเบิร์ค , ซิสเตอร์ไอรีน และ แฟรนชี่ ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพระเอกของเรื่องและเป็นตัวชงมุกให้หนังช่วยผ่อนคลายได้มาก ทั้ง 3 ทำหน้าที่เป็นตัวละครหลักและเหยื่อในคราเดียวกัน เพราะครึ่งหลังทั้ง 3 แยกย้ายกัน
แต่ก็โดนผีหลอกด้วยกันทั้งหมด ก็เลยได้ดูฉากผีหลอกทั้ง 3 คนสลับกันไปมา และทั้ง 3 ก็ยังเดินตามสูตรบังคับของหนังสยองขวัญคือการขาดต่อมความกลัว ยิ่งเห็นไรแวบ ๆ ได้ยินเสียงแปลก ๆ ในยามค่ำคืน แต่กลับต้องเดินเข้าไปหาแล้วก็เจอดี
หัวใจหลักของเว็บดูหนังในเรื่องอีกคนก็คือ บอนนี่ แอร์รอน เจ้าของบท “ผีแม่ชี” คนเดิมตั้งแต่ The Conjuring 2 เป็นนักแสดงที่หน้าตาน่ากลัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เหมาะมากกับบทนี้ ทีมงานเมคอัปก็น่าจะชอบเพราะไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรมากก็น่ากลัวเลย
ส่วนที่ต้องชม
ส่วนที่มีผลต่อความสยองของ The Nun อย่างมากคือการเลือกโลเคชั่น ที่ยกกองถ่ายกันไปถึงโรมาเนียจริง ๆ แล้วที่่น่าชื่นชมมากคือการไปเสาะหาเจอวิหารร้างแห่งนี้ แค่เห็นภายนอกก็ดูน่ากลัวแล้ว และเป็นวิหารที่ดูน่ากลัวจริง
กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เพิ่มความน่ากลัวให้กับ The Nun ด้วยความเก่า และทางเดินมืด ๆ หลายซอกหลายหลืบ มีที่ให้ผีแอบเต็มไปหมด ผีใน The Nun เลือกจะมาในสไตล์ผีซ่อนแอบมากกว่าผีตุ้งแช่
ซึ่งฉากตุ้งแช่ก็มีแต่ไม่เน้น แต่มักจะมาแบบโผล่ตรงนั้น ตรงนี้ แต่พอหันก็หายไป เล่นกับฉากให้ลุ้นกลัวตกใจเสียมากกว่า แต่งานเมคอัปผสมกับงานซีจี ก็สร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของผีแต่ละตัวออกมาได้น่ากลัวดี
มีส่วนที่ยังไม่สุด
จริงๆ Jump scare บางซีนก็แปลกดี แต่ส่วนมากก็จะตกใจกับเสียดังๆ ของซาวน์ประกอบซะมากกว่า คนที่ชอบแนวนี้ก็คงสะใจเพราะซีนแฮร่มันเยอะมากจริงๆ เรียกได้ว่ามาตั้งแต่ต้นยันจบ แต่สำหรับเราแล้วเราก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยสุดเท่าไหร่
ยังไม่ได้น่ากลัวแบบหลอนจริงจัง หรือว่าตกใจแรงมากถี่ยิบๆ แบบคอนเจอริ่ง The nun ยังสู้ตรงนั้นไม่ได้ ส่วนมากก็ยังเป็นมุขเก่าๆ เดิมๆ ที่พอจับทางได้ แถมยังมีความตลก อาจเพราะอย่างนี้เลยทำให้ไม่หลอนเท่าไหร่
โดยรวม
ยังคงเป็นหนังสยองขวัญที่รักษามาตรฐานของจักรวาล The Conjuring ไว้ได้ คอหนังสยองขวัญดูได้ไม่ผิดหวัง ถึงไม่เคยดูหนังในจักรวาล The Conjuring มาเลยสักเรื่อง ก็สามารถดูได้รู้เรื่อง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอยู่ในระดับต้น ๆ ของหนังจากจักรวาลนี้
ถึงแม้ผีจะออกถี่ ฉากลุ้นสะดุ้งจะมีมาก แต่ก็ไม่ได้มีฉากที่น่ากลัวถึงขั้นน่าจดจำพอให้หยิบมาพูดถึงหลังออกจากโรง และไม่ได้น่ากลัวเทียบเท่าการปรากฏตัวครั้งแรกของผีแม่ชีเองใน The Conjuring 2
อีกจุดที่น่าชื่นชมก็คือฝีมือเขียนบทของแกรี่ เดาเบอร์แมน สามารถเชื่อมฉากจบของ The Nun มาต่อเนื่องกับ The Conjuring 1 ได้อย่างลงตัว แล้วจบแบบปลายเปิดให้สานต่อวีรกรรมสยองของผีแม่ชีได้ต่อไป
Comments