top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนCharcoal Original

Triple Frontier


หนังใหม่เต็มเรื่อง

รีวิว Triple Frontier - ปล้น ล่า ท้านรก

นับได้ว่า Triple Frontier เป็นอีกหนึ่งโปรเจคต์สุดทะเยอทะยานของ Netflix ทั้งการทุ่มงบกับโปรดักชั่นและการลงทุนจ้างนักแสดงดังๆมารับบทนำ ซึ่งหากมองผิวเผินดูจากหน้าหนัง หลายคนคงคิดว่าตัวหนังคงมาทางสงครามสุดระห่ำ ยิงกันหูดับตับไหม้แน่ๆ ทั้งที่จริงแล้วกว่า 70% ของหนังเป็นการวางแผนและการเอาตัวรอดของทีมปฏิบัติการปล้นครั้งนี้ที่สะท้อนให้เห็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของในยุคสงคราม รีวิว Triple Frontier


เรื่องย่อ


ความจงรักภักดีของอดีตสมาชิกหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้ง 5 ต้องถูกทดสอบ เมื่อพวกเขากลับมารวมตัวกันในภารกิจโจรกรรมเงินของเจ้าพ่อค้ายา และต้องเผชิญกับเหตุการณ์พลิกผันสุดคาดคิด


 

คงจะเป็นภาพยนตร์ที่ใครหลายๆคนรอคอย ด้วยการรวมตัวของนักแสดงชายสุดหล่อจำนวนมาก และ ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้ล่อตาล่อใจคนดู แต่เมื่อดูแล้วก็อาจจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นก็ไม่อยากให้ทุกคนพลาดเรื่องนี้อยู่ดี


นับได้ว่า Triple Frontier เป็นอีกหนึ่งโปรเจคต์สุดทะเยอทะยานของ Netflix ทั้งการทุ่มงบกับโปรดักชั่นและการลงทุนจ้างนักแสดงดังๆมารับบทนำ ซึ่งหากมองผิวเผินดูจากหน้าหนัง หลายคนคงคิดว่าตัวหนังคงมาทางสงครามสุดระห่ำ ยิงกันหูดับตับไหม้แน่ๆ


ทั้งที่จริงแล้วกว่า 70% ของหนังเป็นการวางแผนและการเอาตัวรอดของทีมปฏิบัติการปล้นครั้งนี้ที่สะท้อนให้เห็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสงครามในยุคหลังที่ สหรัฐอเมริกา เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่เบื้องหลัง


เนื้อเรื่อง


เมื่อสงครามปราบยาเสพติดในบราซิลกำลังสะเด็ดน้ำ โป๊บ (ออสการ์ ไอแซค) สบช่องคิดแผนเผด็จศึกพ่อค้ายาและปล้นเงินจำนวนมหาศาลติดปลายนวม และเพื่อให้ปล้นแล้วรวย เขาจึงรวบรวมอดีตเพื่อนร่วมรบทั้ง เรดฟลาย (เบน เอฟเฟล็ก) ทหารผ่านศึกหัวเสธจอมวางแผน


ไอรอนเฮด (ชาร์ลี ฮันแนม) และ เบน (แกร์เรต เฮดลันด์) พี่น้องนักสู้โคตรระห่ำ และ แคตฟิช (เปโดร ปาสคาล) นักบินติดแบล็กลิสต์ และแม้ว่าพวกเขาจะคิดแผนมาเนี๊ยบเพียงไรแต่ความโลภ และอันตรายของผู้มีอิทธิพลก็ไม่ปล่อยพวกเขาลอยนวลไปง่ายๆ


การดำเนินเรื่อง


เนื้อเรื่องดูแล้วไม่ค่อยจะมีอะไร ผมเองก็ไม่ได้หวังว่าเนื้อเรื่องจะเข้มข้นดุเดือดแบบ Sicario แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีฉากยิงมันๆบ้างล่ะน่า ตัวหนังดำเนินเรื่องได้ไม่ค่อยน่าสนใจหลังจากผ่านช่วง 15 นาทีแรกมาแล้ว จะมีให้ลุ้นกันช่วงเลยกลางหนังใหม่เต็มเรื่องไปแล้วบ้าง แต่โดยรวมการดำเนินเรื่องทำได้ค่อนข้างน่าเบื่อพอสมควรครับ


นักแสดง


ดารานำเรื่องนี้แต่ละคนดังๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Ben Affleck (แบทแมน), Oscar Issac (Star Wars), Charlie Hunnam (Sun of Anarchy), Garrette Hedlund (Tron Legacy) และ Pedro Pascal (Game of Thrones, Narcos)


แต่ละคนแสดงบทบาทของตัวเองได้ดี…ติดตรงที่ว่าบทมันไม่ดี เลยพาเอาทั้งหมดดูแย่ไปซะงั้น ความรู้สึกผม บทบาทของแต่ละตัวละครแทบจะไม่สำคัญอะไรเลยกับเนื้อเรื่องโดยรวม


ทุกคนยิงปืนแม่น เอาตัวรอดได้ แต่อาจจะมีแค่ตัวละครคนเดียวที่ขับเฮลิคอปเตอร์ได้ เป็นอันจบ แม้แต่ตัว Ben Affleck เองที่ควรจะมีความสำคัญกับปฏิบัติการครั้งนี้มากๆ แต่พอสุดท้าย ก็เป็นแค่ตัวละครตัวนึงในทีมที่ยิงปืนแม่น ก็แค่นั้นเอง


ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ลองนึกภาพว่าเราเล่นเกมที่ต้องเล่นเป็นทีม 5 คนแล้วเพื่อนร่วมทีมเลือกตัวละครตัวเดียวกันหมด นั่นแหละครับอารมณ์ของบทตัวละครเรื่องนี้เลย


ฉากบู้ต่างๆ


ฉากบู๊เท่ๆสไตล์ทหารที่อยากเห็น แทบจะไม่มีอะไรเลย ผมนึกภาพฉากหลบหนีหัวซุกหัวซุนหอบเงิน ยิงกันหูดับตับไหม้แบบ Tears of the Sun แต่สุดท้ายก็ผิดหวัง เพราะทั้งเรื่องกระสุนยิงออกไปถึง 50 ลูกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เอาเป็นว่าฉากแอ็คชั่นยิงกันดุเดือดแทบไม่มีเลย ตรงนี้เล่นเอาผมผิดหวังมากๆครับ


เกี่ยวกับบทหนัง


พล็อตดราม่าและปมซับซ้อนแบบนี้ก็ไม่คณามือ เจ ซี แชนเดอร์ ผู้กำกับที่เคยชิงออสการ์สาขาบทดั้งเดิมจาก Margin Call ในปี 2011 โดยคราวนี้ก็ได้นักข่าวสายทหารตัวจริงที่ผันอาชีพมาเขียนบทหนังแนวทหารอย่าง มาร์ค โบล


จนได้ชิงออสการ์จาก The Hurt Locker ในปี 2008 มาร่วมเขียนบทซึ่งก็ทำให้รายละเอียดหลายอย่างในหนังเว็บหนัง HDสร้างความน่าเชื่อถือได้ดี ทั้งลักษณะบ้านและการซ่อนเงินของพ่อค้ายาและแผนปฏิบัติการทางทหารที่พอผ่านปากนักแสดงแล้วก็ทำให้น่าเชื่อถุือว่าทหารเขาพูดแบบนี้จริงๆเป็นต้น


แต่กระนั้นบทหนังกลับมีปัญหาในการสร้างความน่าเชื่อถืออย่างร้ายแรง คือเราแทบไม่เชื่อเลยว่าแต่ละคนจะยอมเอาชีวิตมาทิ้งในบราซิลเพียงเพราะลมปากของทหารคนเดียว อีกทั้งการตัดสินใจของทหารแต่ละคนในเรื่องก็ดูแอบเซิร์ด


ไร้เหตุผลจนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขารอดจากสมรภูมิรบมาได้อย่างไร รวมถึงตรรกะในการทำงานครั้งนี้ที่ว่าเอเยนซี่เป็นคนจ้างให้ฆ่าพ่อค้ายาและปล้นเงินม่าแต่กลับไม่มีอะไรซัพพอร์ตให้เลย


โดยทีมต้องใช้วาทะศิลป์สัญญาว่าจะให้เงินแก่ คนจัดหา ฮอ หรือ เจ้าของเรือ จนรู้สึกว่าบางทีทหารกลุ่มนี้ก็โชคดีไปหน่อย จนตลอดเวลาร่วม 2 ชั่วโมงที่ดูต้องคอยหาเหตุผลมาหลอกตัวเองเพื่อให้เราดูหนังได้จนจบ


เล่นกับความโลภ


ความโลภไม่เข้าใครออกใคร บางคนอยากมาก บางคนอยากน้อย เมื่อเงินปรากฏทำให้เห็นธาตุออกมา ซึ่งบางคนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเพราะนำกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า แต่ใครจะคิดเรื่องจำนวนเงินกับจำนวนคนที่ต่างกันมาก การแบกเงินหลายกระเป๋าตามทางทำให้ช้า ทั้งที่เอาแต่พอดีจะไปได้ไวและไม่ถูกตามล่า


บางคนไม่กล้าเสียเงิน แต่บางคนกล้าเสียถึงขนาดแจกจ่ายและนำเงินมาเผาไฟ ซึ่งฉากเหล่านี้แสดงถึงข้อเปรียบเทียบคุณค่าของเงิน สำหรับเงินจะมีค่าอะไรถ้าไม่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าหรือจับจ่าย ถ้าติดอยู่ในที่มืดอากาศหนาวจะยอมเสียเงินเป็นเชื้อเพลิงแก่ไฟได้หรือไม่

รีวิว Triple Frontier

ข้อเสีย


และแม้ว่าหนังจะสร้างความบันเทิงให้เราได้พอลุ้นกับการขนเงินข้ามพรหมแดนได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอให้เราอภัยกับความโง่เขลาของตัวละครแบบดูไปต้องคอยถามไปว่า “เอ็งจะทำไปเพื่อ…?” ในหลายๆเหตุการณ์ตั้งแต่ปล้นบ้านพ่อค้ายา


ขนเงินเกินน้ำหนักด้วยเครื่องบินจนแทบบินไต่ระดับไม่ได้ หรือการพยายามเจรจากับชาวบ้านหลังสังหารคนในหมู่บ้านไปด้วยความตกใจ เหล่านี้เราเลยไม่รู้ว่าจะยกย่องให้พวกเขาเป็นวีรบุรุษที่เราต้องเอาใจช่วยดีหรือไม่


ยิ่งหนังไม่พยายามปูพื้นสร้างความผูกพันธ์ให้เรารู้จักตัวละครแต่ละตัวมากนักด้วย มิหนำซ้ำหนังยังมาตกม้าตายกับบทสรุปแบบจับยัดแถมไม่เข้ากับประเด็นที่หนังพยายามปูมาแต่ต้นจนน่าเสียดาย


ทั้งที่ฟอร์มหนังที่ทำตัวอย่างมาน่าดูมากๆและเสียดายชื่อดาราดังที่ต้องเอาตัวเองมาเสียเวลากับหนังที่ไม่ส่งเสริมภาพลักษณ์และเป็นเครดิตการแสดงที่น่าจดจำเท่าใดนัก


จุดชื่นชม


สิ่งเดียวที่เราจะพอชื่นชมตัวหนังได้หนีไม่พ้นงานถ่ายภาพที่สวยงามโดย โรมัน วอสยานอฟ จาก Fury (2014) และ Suicide Squad (2016) ที่เก็บทิวทัศน์บรรยากาศป่าดงดิบและหุบเขาอันแสนหนาวเหน็บได้อย่างเปี่ยมอารมณ์


และเป็นจุดที่พอทำให้เราเข้าใจตัวละครอยู่บ้าง แม้เราจะปวดขมับกับการกระทำและตัดสินใจที่แสนจะน่าปวดหัวของพวกเขาตลอดเวลาก็ตาม


โดยรวม


เป็นหนังที่สร้างแบบเน้นปลอดภัย พล็อตตรงไปตรงมา เล่นง่าย เดาง่าย จบง่าย หักมุมก็พอมีบ้าง แต่พอเอาองค์ประกอบทั้งหมดจับมารวมกัน มันทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ผ่านไปได้เลย


ไม่หวือหวากับฉากแอ็คชั่นที่น่าจะมีมากกว่านี้ แต่มานิ่งๆแล้วลงให้หนักให้สมจริงดีกว่ายิงกระจัดกระจายไปทั่ว ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ดีมากคือการปกปิดตัวเองให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น ซุ่มเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด ลงมือให้เงียบและไวเท่าที่จะทำได้


ทำให้ภารกิจนี้ดูเสี่ยงและอันตรายเพราะทุกอย่างต้องเป็นตามกรอบแผน จะให้พลาดนิดพลาดหน่อยก็ไม่ได้ การควบคุมสถานการณ์จึงดูเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก


สรุป


นี่ไม่ใช่หนังปล้นที่เด่นในเรื่องของการวางแผนโจรกรรมล้ำ ๆ หรือบู๊แอ็กชันบ้าพลัง ถล่มเมือง แต่เป็นการหยิบเรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้นแสนธรรมดา เอามาเล่าให้คมขึ้น และยังพาผู้ชมไปยังสถานการณ์ที่เราเองก็คาดไม่ถึงตั้งแต่แรก ว่าหนังจะพามาไกลถึงจุดนี้ ซึ่งเราว่าตรงนี้แหละที่ทำให้ TRIPLE FRONTIER ลุ้นสุดขั้ว!

ดู 132 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

It Chapter Two

The Nun

Don’t Listen

Comments


bottom of page