top of page

The Jungle Book

  • รูปภาพนักเขียน: Charcoal Original
    Charcoal Original
  • 25 มิ.ย. 2564
  • ยาว 1 นาที

ดูหนังออนไลน์

รีวิว The Jungle Book - เมาคลีลูกหมาป่า

เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชันให้ชมกันทั่วโลกเมื่อนานมาแล้ว และวันนี้ มันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเทคโนโลยีการสร้างที่เพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า จากการ์ตูน กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นผสมผสานระหว่างการแสดงของคนจริงๆ กับทัศนียภาพของป่าและสิงสาราสัตว์ทั้งหลายที่เหล่านั้นล้วนเป็นผลงานมาจากคอมพิวเตอร์ล้วนๆ รีวิว The Jungle Book


เรื่องย่อ


เรื่องการผจญภัยของ ''เมาคลี'' (นักแสดงหน้าใหม่ นีล เซ็ทธิ) เด็กน้อยที่ถูกเลี้ยงโดยครอบครัวของหมาป่า แต่เมาคลีพบว่าเขาไม่เป็นที่ต้อนรับในป่าแห่งนี้อีกต่อไปเมื่อ แชร์คาน เสือร้ายผู้น่าเกรงขามที่มีแผลเป็นจากฝีมือมนุษย์ (ให้เสียงโดย ไอดริส เอลบา) ให้คำมั่นว่าจะกำจัดทุกสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นภัยคุกคาม


หลังจากถูกขับไล่จากบ้านเพียงหลังเดียวที่เขามีเมาคลีจึงออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองในการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ โดยได้รับการชี้แนะจากคู่หูที่กลายมาเป็นอาจารย์ บากีร่า (ให้เสียงโดย เบน คิงส์ลีย์) และหมีผู้มีจิตวิญญาณอิสระ บาลู (ให้เสียงโดย บิล เมอร์เรย์)


โดย ระหว่างทาง เมาคลีได้เผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์ป่าที่ไม่ได้ให้ความสนใจในจิตใจของเขา รวมถึง คา (ให้เสียงโดย สการ์เลตต์ โจแฮนสัน) งูเหลือมที่เสียงอันเย้ายวนและจ้องสะกดจิตเด็กน้อยคนนี้

และคิง ลูอี้ ผู้ปากหวาน (ให้เสียงโดย คริสโตเฟอร์ วอลเคน) ที่พยายามจะบังคับเมาคลีให้เปิดเผยความลับของพลังอันอันตรายและอธิบายไม่ได้ของดอกไม้แดงหรือที่เราเรียกกันว่า ''ไฟ''



ดูแล้วก็รู้สึกว่าผิดคาดไปหมดจากที่คิดไว้ว่านี่คือหนังเด็กเรื่องหนึ่ง เพราะเราทุกคนรู้จักเรื่องราวของเมาคลีกันมาแล้วจากวิชาลูกเสือ แต่ The Jungle Book (2016) กลับเป็นเมาคลีขึ้นจอที่เล่าเรื่องได้อย่างสนุกสนาน


เป็นหนังผจญภัยที่น่าติดตามตลอดเวลา 100 นาที ดูไปก็นึกชื่นชมไปทำไมหนังมันช่างเลิศเลอเปอร์เฟ็คต์เพียงนี้ ผู้กำกับ จอน แฟฟโร เก่งมากนาทีนี้คงไม่มีหนังอะไรที่แกกำกับไม่ได้อีกแล้ว

ซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Iron Man ก็ทำมาแล้ว , ดราม่าอย่าง Chef ก็ทำมาแล้ว หรือ ตลกเอาฮาอย่างเดียวอย่าง Elf ก็ทำมาแล้ว ถ้าไม่ไปพลาดตอน Cowboy & Aliens ประวัติจะสวยกว่านี้นะ


เนื้อเรื่อง


เรื่องเล่าจากป่าที่เล่ากันมายาวนาน เรื่องราวของเด็กน้อยที่เติบโตในอ้อมกอดของป่า จากความอารีของเสือดำ บากีร่า (Ben Kingsley) ที่พาเขาให้มาอยู่กับฝูงหมาป่าที่นำโดยอาคีล่า (Giancarlo Esposito) โดยมีรัคชา (Lupita Nyong’o) แม่หมาป่าสีเทาขาวที่เลี้ยงมาพร้อมกับลูกน้อยของตัวเอง


เขาได้เรียนรู้ระบบฝูงจากกลุ่มหมาป่า แต่เขาก็ดูเหมือนจะโตช้ากับลูกหมาป่าตัวอื่น อีกทั้งความสามารถและสัญชาตญานยังไม่อาจจะเทียมเทียมลูกหมาป่าได้ นั่นเพราะเขาเป็น “ลูกมนุษย์”


ในป่ามีเสือลายพาดกลอนอยู่ตัวหนึ่ง นามว่าเชียร์คาน (Idris Elba) มันจงเกลียดจงชังในตัวมนุษย์มาก เมื่อมันรับรู้การมีอยู่ของเมาคลีในป่า มันจึงพยายามทำทุกทางเพื่อกำจัดทิ้ง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากบากีร่าทำให้เขาหนีออกไปได้ แม้ไม่พ้นป่าแต่ก็ยังได้เจอกับหมีอารีอย่างบาลู (Bill Murray) ผู้ที่ช่วยเขาให้รอดพ้นจากแม่งูยักษ์เจ้าเล่ห์อย่างคา (Scarlett Johansson)


เมาคลีได้เรียนรู้บางอย่างจากการได้อยู่กับบาลู แต่การผจญภัยก็ยังไม่สิ้นสุด เมื่อเขาได้พบกับลูอี้ (Christopher Walken) ราชาอุรังอุตังผู้ทะเยอทะยานและการตามรังควานไม่เว้นวายของเชียร์คานผู้เคียดแค้น


การเล่าเรื่อง


นอกจากนี้ หนังไม่ใช่แค่ภาพสวยเท่านั้น หากแต่ดูหนังออนไลน์ยังเล่าเรื่องสนุกด้วย รับประกันความบันเทิงได้เลย แต่ละฉากการผจญภัยและการเติบโตของ Mowgli นี่ล้วนแต่ตื่นตาตื่นใจ


แถมมุกบางมุกก็จี๊ดโดนใจเลเวล 10 เต็ม 10 ในส่วนของเรื่องราวนั้น ก็เป็นมากกว่านิทานสอนเด็ก เรียกได้ว่าเวอร์ชั่นนี้สเกลโตขึ้นกว่าฉบับการ์ตูนมาก เนื้อหาดี๊ดี เหมาะทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่


โดยเนื้อหาจะอยู่ในช่วง coming-of-age ของ Mowgli ที่ต้องก้าวข้ามผ่านวัยเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ ออกจาก comfort zone ไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่มีทั้งคนดีคนร้าย เรียนรู้ปรับตัวเข้ากับคนอื่นในสังคมซึ่งแตกต่าง


และในขณะเดียวกัน ก็ต้องพยายามค้นหาตัวตนและใช้ศักยภาพในตัวเองให้ได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว คนทั่วไปจะประสบปัญหาการหลงทาง…ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร


ที่แน่ๆ คนที่รักสัตว์ รักป่า รักธรรมชาติ ควรไปดูอย่างยิ่ง CGI ป่าของเขายิ่งใหญ่สวยงามจริงจัง นึกว่าเขาไปถ่ายทำกันในป่ากันจริงๆ เลยอย่างไรอย่างนั้น สัตว์ต่างๆ ก็น่ารัก มีเอกลักษณ์ และเป็นตัวแทนสะท้อนลักษณะนิสัยของมนุษย์แต่ละประเภทได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหมี Baloo นี้ขโมยซีนสุดๆ ชอบมากๆ


ด้านคุณภาพงาน


ความอัศจรรย์ของงานซีจี จากที่เราเคยตื่นเต้นกับภาพเสือใน Life Of Pie ว่าช่างเหมือนจริงอะไรเพียงนี้ เทคนิคที่เคยสร้างเสือตัวเดียวให้ฮือฮา พอมาถึงรอบนี้สามารถเนรมิตรสัตว์ให้เราดูถึง 70 สายพันธุ์ ดูเหมือนจริงไปหมดทั้งการเคลื่อนไหว แล้วยังขยับปากได้ตรงกับเสียงพูดทุกคำอีกด้วย


ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์แต่ภาพบรรยากาศป่าก็ดูสมจริงเสียเหลือเกิน แทบไม่น่าเชื่อว่าทั้งเรื่องซีรี่ย์ Netflixนี้ถ่ายกันในสตูดิโอล้วน ๆ ทีมงานลงรายละเอียดบรรยากาศป่าอินเดียได้เหมือนจริงด้วยการส่งทีมงานไปถ่ายภาพป่าในอินเดียมานับพันภาพ


แล้วสร้างภาพซีจีเลียนแบบ สีสันบรรยากาศของป่าในแต่ละฉากก็ยังสามารถสื่ออารมณ์ของเรื่องราวได้ดี เนินหมาป่าก็โทนสีเทา-น้ำตาล เป็นเนินโล่งกว้าง ไม่มีกำแพงรายล้อมให้รู้สึกปลอดภัยก็เข้ากับเรื่องราวในช่วงนั้นที่ไม่รู้ว่าเชียคานจะบุกมาเมื่อไหร่ ป่าดิบของคา ก็ดูมืดลึกลับมองไปไกล ๆ แทบไม่เห็นอะไร

แต่พอถึงเขตแดนของบาลูกลับมีสีสันเต็มไปหมดทั้งต้นไม้เขียว ๆ ดอกไม้สวยงาม ลำธารชุ่มฉ่ำ ก็เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันสนุกสนานของเมาคลีตอนที่ได้อยู่กับบาลู


ด้านดนตรีของ จอห์น เด็บนีย์ ก็ทำหน้าที่สนับสนุนได้อย่างสมบูรณ์คลออยู่ข้างหลังได้ตลอดเวลาแต่ไม่โฉ่งฉ่างจนเกินหน้า เพลงประกอบน่ารัก มีท่อนฮุคเป็นภาษาตลก ๆ สนุก ๆที่น่าจะถูกใจเด็ก ๆ สมกับเป็นหนังที่สร้างจากนิทาน จอน แฟฟโร บอกว่าขอใส่เพลงไว้แค่ 2 เพลงพอ ไม่งั้นจะรู้สึกว่าเป็นหนังเพลงเกินไป

รีวิว The Jungle Book

มีแทรกข้อคิด


ผู้สร้างก็ยังไม่ลืมคุณค่าของนิทานคลาสสิคที่แทรกข้อคิดดี ๆ ไว้มากมาย พาเด็กไปดูแล้วชี้แนะให้เห็นความกล้าหาญและเสียสละของเมาคลีได้ความบริสุทธิ์จริงใจของเมาคลีที่ชนะใจบาลูหมีเจ้าเล่ห์ได้ และการอยู่ด้วยกันและยอมรับข้อแตกต่างซึ่งกันและกัน


ท้ายที่สุดบาคีลาก็ต้องยอมรับความสามารถในด้านที่เป็นมนุษย์ของเมาคลี ทั้งที่เขาเองเป็นคนห้ามไม่ให้เมาคลีมีพฤติกรรมแบบมนุษย์มาโดยตลอด


โดยรวม


งานกำกับของ Jon Favreau ผู้มีเครดิตผลงานมาจาก Iron Man ทั้งภาค 1 และ 2, Cowboys & Aliens และ Chef พอจะทำให้อุ่นใจได้ประมาณหนึ่งว่าเขาจะทำ ‘เดอะ จังเกิล บุ๊ก’ เวอร์ชั่นคนแสดงผสมซีจีได้อย่างน่าตื่นใจ


เมื่อได้พบกับของจริงในโรงหนังจอใหญ่ยักษ์ พบว่าเรื่องราวมันถูกเรียงร้อยมาอย่างดี การดำเนินไปของเรื่องค่อนข้างไหลลื่น สร้างแรงกระเพื่อมในใจได้เป็นอย่างดี ช็อตดราม่าที่พาให้อินก็ทำได้ถึง พาน้ำตาซึมได้ ขณะที่ช็อตแอ็คชั่นตื่นเต้น ก็เร้าใจลุ้นให้เมาคลีเอาตัวรอดไปได้เช่นกัน


แม้ว่าบางช่วงของหนังจะเดินเรื่องแบบเฟดดำและเข้าสู่ซีนใหม่หลายหน ทำให้โดยรวมหนังมีช่วงแผ่วไปบ้าง แต่ยังดีที่งานรายละเอียดภาพเข้ามาช่วยเอาไว้ อาจไม่ถึงกับร้องว้าวในใจ แต่เป็นงานที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลย


สุดท้าย การเดินทางของเมาคลีที่เรารู้จักมานานแล้ว ก็คงจะทำให้หลายหนมองเห็นแง่มุมอะไรกลับไปได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของมิตรภาพ ความสามัคคี ความรู้บุญคุณ สุดท้ายก็คงเป็นความรู้จักตัวเอง


สรุป


นีล เซธี ก็เป็นเด็กวัย 12 ที่เล่นหนังได้สดใสไหลลื่นมาก ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเด็กที่เล่นหนังเรื่องแรก สมแล้วที่เอาชนะคู่แข่งทั้ง 2,000 คนมาได้ ทั้งหมดล้วนทำให้ The Jungle Book เป็นหนังที่ต้องดูครับ


สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สมควรแล้วที่หนังครองอันดับ 1 ติดต่อกันมาได้ 2 สัปดาห์ทุนสร้าง 175 ล้านเหรียญ กวาดไปแล้ว 533 ล้านเหรียญ ตอนนี้ดิสนีย์เดินหน้าสร้างภาค 2 แล้วครับ น่าจะพูดถึงเมาคลีตอนโตเป็นหนุ่ม

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


Join my mailing list

Thanks for submitting!

© 2023 by The Book Lover. Proudly created with Wix.com

bottom of page