top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนCharcoal Original

The Equalizer 2


หนังใหม่เต็มเรื่อง

รีวิว The Equalizer 2 - มัจจุราชไร้เงา 2

หนังภาคต่อ ที่เว้นช่วงห่างจากภาคแรกถึง 4 ปี และเป็นหนังภาคต่อเรื่องแรกของเดนเซล วอชิงตัน และเรื่องแรกของผู้กำกับอังตวน ฟุควา เช่นกัน , น่าแปลกที่ว่าหนังภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้ไป 192 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 55 ล้านเหรียญ มีการพูดคุยถึงโปรเจ็คต์ภาคต่อหลังหนังภาคแรกออกฉายได้ 7 เดือน แต่ก็เงียบหายไปจนกระทั่ง 4 ปีต่อมานี่ รีวิว The Equalizer 2


เรื่องย่อ


โรเบิร์ต แม็คคอล ยังคงใช้ความสามารถของอดีตมือสังหารCIA มาทำหน้าที่ศาลเตี้ย ช่วยผู้คนเคราะห์ร้ายภายใต้ฉากหน้าคนขับอูเบอร์แท็กซี่ หนังปูวีรกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โรเบิร์ตได้ช่วยผู้คน ก่อนที่จะเข้าหัวใจหลักของเรื่องเมื่อ ซูซาน เพื่อนเก่ากลับมาเยี่ยมโรเบิร์ต


เธอเป็นเพื่อนหญิงคนสนิทของโรเบิร์ตที่เคยร่วมงานกันตอนอยู่ CIA แล้วไม่นานจากนั้นซูซานก็โดนสังหารโหดในที่พักหลังตามสืบคดีสายลับCIAโดนฆ่าปิดปากในเบลเยี่ยม ทำให้โรเบิร์ต แม็คคอล ต้องตามหามือสังหารเพื่อแก้แค้นให้เพื่อนสนิท


 

หนังภาคต่อ ที่เว้นช่วงห่างจากภาคแรกถึง 4 ปี และเป็นหนังภาคต่อเรื่องแรกของเดนเซล วอชิงตัน และเรื่องแรกของผู้กำกับอังตวน ฟุควา เช่นกัน , น่าแปลกที่ว่าหนังภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้ไป 192 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 55 ล้านเหรียญ มีการพูดคุยถึงโปรเจ็คต์ภาคต่อหลังหนังภาคแรกออกฉายได้ 7 เดือน แต่ก็เงียบหายไปจนกระทั่ง 4 ปีต่อมานี่


เนื้อเรื่อง


ในภาคนี้ “โรเบิร์ต แม็คคอล” อดีตทหารที่เก่งกาจคนหนึ่ง ก็ยังคงทำหน้าที่ในการดูแลบ้านเมืองในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งนั่นก็คือ “ศาลเตี้ย” ซึ่งแม็คคอล ก็คอยช่วยเหลือเหยื่อหรือผู้ที่โดนกระทำไม่ดีมาอยู่ตลอด แต่คราวนี้เคราะห์กรรมดันไปตกที่เพื่อนรักของเขา


นั้นก็คือ “ซูซาน” หน่วย CIA ที่กำลังจะเกษียณจากตำแหน่งหน้าที่ แต่ก็ได้รับภารกิจสุดท้ายก่อนที่จะเกษียณ ซึ่งก็ต้องมาตาย เพราะซูซานกำลังจะไขคดีได้! และผู้ที่ฆ่าซูซานก็คือเพื่อนเก่าแม็คคอล ซึ่งทำงานทีมเดียวกันกับซูซาน...


เมื่อแม็คคอลรู้เรื่องแล้วว่าเพื่อนสนิทที่เขารักมากที่สุด โดนฆ่าตายอย่างทารุณ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า จึงทำให้เขานั้นต้องออกตามล่าหาผู้ร้ายที่ได้ทำกับเพื่อนของเขา เพื่อแก้แค้นให้อย่างสาสม!


การเล่าเรื่อง


บทภาพยนตร์เป็นฝีมือของริชาร์ด เวงค์ มือเก่าที่เขียน The Equalizer ภาคแรก และ Magnificent 7 เวอร์ชั่นเดนเซล วอชิงตันนี่ล่ะ บทของริชาร์ด ปูความมาได้ดี ไม่อัดแอ็คชั่นหนังใหม่เต็มเรื่องมากเกิน แต่มาทุกครั้งก็รุนแรง โหด ดุ หนังปู 2 เหตุการณ์เดินหน้าขนานกันไป


เรื่องคดีของซูซาน ที่โรเบิร์ต ตามสืบหาตัวคนร้าย และเรื่องไมลส์ วิทเธอเกอร์ เด็กวัยรุ่นผิวสีที่พักอยู่อพาร์ตเมนต์เดียวกับโรเบิร์ต และเขาคอยดูแลไม่ให้ไมลส์ไปพัวพันกับแก๊งค้ายา และทั้ง 2 ทางก็มาบรรจบกันในตอนท้าย


ตัวร้ายในภาคนี้เดากันได้ไม่ยาก เพราะหน้าตาก็ส่อแววตัวร้ายมาตั้งแต่ต้นเรื่องล่ะ แต่หนังก็เจตนาเฉลยเสียตั้งแต่ค่อนเรื่อง เพื่อจะปูเข้าสู่ฉากแอ็คชั่นไคลแมกซ์ที่ลากกันยาวกว่า 30 นาทีท้ายเรื่อง


ตัวร้ายในภาคนี้มีถึง 4 คน แล้วเปิดฉากแนะนำตัวมาแบบโหดมาก ยิงคนอย่างเลือดเย็น ตัวร้ายยิ่งโหดยิ่งเป็นการยกระดับอารมณ์ให้หนังเข้มข้นน่าติดตาม ดูเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับโรเบิร์ต แม็คคอล และเมื่อทั้ง 4 ออกปฏิบัติการก็ได้อารมณ์ลุ้นระทึกแทนเหยื่อ


เหมือนดูหนังตื่นเต้นสยองขวัญ หลังจากตัวร้ายเผยตัวหนังก็ใช้สถานการณ์รายรอบปลุกอารมณ์คนดูได้ดี ทั้งลมที่พัดรุนแรงในฉากหลัง ดนตรีประกอบที่เร่งเร้า และการเลือกสถานที่ประลองเป็นหมู่บ้านริมทะเลที่กำลังเผชิญพายุเข้าโจมตี ก็เป็นฉากหลังที่เหมาะกับฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง


ความแอคชั่นจัดเต็ม


แน่นอนว่าหนังขายความแอคชั่นแบบดิบๆ เป็นหลักที่เรียกได้ว่าโหดจัดเต็ม เลือดสาดกันแบบให้เห็นจะๆ สมกับที่ได้เรต R มาทั้งสองภาค และถึงแม้ว่าคุณลุงเดนเซลของเรานั้นจะมีอายุปาไป 64 ก็ยังคงสามารถออกลีลาบู๊และเชือดคนได้อย่างแข็งแกร่ง บวกกับมาดนิ่งๆ ที่ทำให้เราลุ้นว่าจะเกิดเรื่องราวที่ไม่ชอบมาพากลขึ้นหรือไม่ เรียกได้ว่าแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้กันเลยทีเดียว


นอกจากเราจะได้เห็นฉากแอคชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังแล้ว ในภาคนี้เรายังจะได้เห็นการวางแผนต่อสู้ที่ต้องอาศัยความฉลาดและปฏิภาณไหวพริบสูง ซึ่งจะได้เห็นหนังออนไลน์ฉากสนุกๆ เหล่านี้ในตอนท้ายของเรื่อง ที่บอกได้เลยว่าสุดยอดมาก และเชื่อว่าหนังน่าจะสร้างภาคต่อมาได้อีกเพราะยังมีอะไรให้เล่นอีกเยอะ แถมตอนจบยังทิ้งบางอย่างเหมือนจะให้ติดตามต่ออีกด้วย

รีวิว The Equalizer 2

จุดเด่น


เดนเซล วอชิงตัน ในวัย 64 ปี ยังคงดูหนุ่มแน่นกว่าวัยมาก เล่นฉากต่อสู้ได้ทะมัดทะแมงและน่าเชื่อถือ แต่คงไม่ลากยาวไปถึง 70 หรอกมั้ง ถ้าจะมีภาค 3 น่าจะต้องรีบแล้วล่ะ ฉากต่อสู้แต่ละครั้งดูโหด เพราะโรเบิร์ตเป็นมือสังหารประเภทถนัดมีดมากกว่าปืน


ตลอดเรื่องเขายิงคนร้ายไปแค่นัดเดียว นอกนั้นมือและมีดล้วน แล้วแทงแต่ละทีก็หวาดเสียวมาก ปาดคอ ปาดขา แทงคอ จิกลูกตา โอ้ย สงสารตัวร้ายเลย แม้ The Equalizer จะเป็นหนังแอ็คชั่น แต่เดนเซล ก็ยังรักษามาดของนักแสดง 2 ออสการ์ ให้เห็น


ด้วยการสื่อความรู้สึกทางสายตาแทนคำพูดอยู่บ่อยครั้ง กล้องก็โคลสอัปหน้าของโรเบิร์ตสื่อให้คนดูรู้สึกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ โดยไม่ต้องเอ่ยปาก


ข้อเสีย


แต่ข้อเสียในเรื่องของแอ็คชั่นต่าง ๆ คือ บางทีเราก็ไม่ค่อยรู้สึกได้ลุ้นอะไรมาก เพราะลุงเก่งเว่อร์เกินไป อายุอานามคือวัยเกษียณ วัน ๆ ขับรถ Uber และอ่านหนังสือ แต่พอจะบู๊ ก็บู๊ราวกับเป็นเดอะร็อค แถมสู้กับคนเป็นสิบ ๆ ตลอดเรื่อง


แทบไม่ได้เห็นลุงบาดเจ็บหรือมีแผลอะไรเลย ทั้งที่คู่ต่อสู้ของลุงก็ระดับทีมนักฆ่าอาชีพเลยเหมือนกันนะ แต่ก็ยังแพ้ง่าย-ตายง่ายเหมือนเดิม นี่คิดว่าถ้าลุงลองยอมเจ็บบ้าง คนดูอาจจะได้ลุ้นกับหนังกว่านี้ก็ได้นะ


โดยรวม


สไตล์ของหนังโดยรวมก็ยังเหมือนเดิมกับภาคแรก คือจะค่อนข้างนิ่ง ๆ เย็น ๆ ตามวัยวุฒิของ ลุง Robert McCall แต่พอถึงฉากแอ็คชั่นขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วล่ะก็… ขอบอกว่าสนุกมาก เท่มาก และเยือกเย็นมาก ฉากแอ็คชั่นในช่วงไฟนอลองก์สุดท้ายถือว่าออกแบบออกมาได้ดีมีสตอรี่ แต่ยังใช้ไม่คุ้ม


เซตฉากและทำ CG มายิ่งใหญ่เกินกว่าที่หนังเอามาใช้ประโยชน์จริง ๆ โดยส่วนตัวยังประทับใจตราตรึงกับฉากไฟนอลของภาคแรกมากกว่า ที่เค้าไปสู้กันในซูเปอร์มาร์เก็ต (ลักษณะประมาณ Homepro) และเอาข้าวของในนั้นมาใช้เป็นกับดับและอาวุธ

ดู 25 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page