top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนCharcoal Original

The Dark Tower


ดูหนังออนไลน์

รีวิว The Dark Tower - หอคอยทมิฬ

หนังสตีเฟน คิง ที่แอ็คชั่นแฟนตาซีที่สุด หนังดัดแปลงมาได้อย่างที่ควรเป็น การแสดงคือดีสุดของที่สุดทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เลย ตัวละครมีมิติสมกับที่สร้างจากนิยาย หนังมีช่วงอืดแต่ไม่ถึงกับน่าเบื่อ ความพลาดเดียวคือหนังทำออกมาช้าไปมาก ถ้าเรื่องนี้ทำเมื่อสัก 20-30 ปีก่อนตอนที่นิยายมันเพิ่งเขียนตอนมันพีค ๆ นี่จะเป็นหนังระดับตำนานเลย รีวิว The Dark Tower


เรื่องย่อ


โรแลนด์ เดสเชน หรือ สิงห์ปืนไว (The Gunslinger) พระเอกของเรื่อง ที่มีอายุราว 200 ปี ซึ่งออกเดินทางตามหาหอคอยผ่านประตูมิติต่างๆ และมีแมทธิว แมคคอนนาเฮย์ รับบทเป็นบุรุษชุดดำตัวร้ายของเรื่อง ทั้งสองมาจากต่างโลกกัน


และต้องมาแย่งชิงเด็กน้อยจากโลกที่เราอยู่ชื่อ เจค แชมเบอร์ (ทอม เทย์เลอร์) ที่มีความสามารถพิเศษในการ "ส่องแสง" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งโรแลนด์กับบุรุษชุดดำต้องการ โดยโรแลนด์ต้องการใช้มันพิทักษ์หอคอยเพื่อให้เขาได้เดินทางข้ามมิติได้ ส่วนบุรุษชุดดำต้องการใช้มันทำลายหอคอย


 

นวนิยายของ Stephen King มักถูกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดอยู่เนืองๆ แต่ส่วนใหญ่มักไม่ใคร่ประสบความสำเร็จในด้านคำชมและรายได้มากนัก แต่ปีนี้ ผลงานของเขาก็ยังคงถูกหยิบมาสร้างและเข้าฉายในไทยอย่างน้อยก็สองเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ ‘The Dark Tower’ หรือในชื่อไทย “หอคอยทมิฬ”


หนังดัดแปลงจากผลงานนิยายชุดชื่อเดียวกันของ สตีเฟน คิง ราชาสยองขวัญที่มีการนำผลงานไปทำหนังมากที่สุดในโลก สำหรับนักเขียนที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นนักเขียนที่มียอดขายสูงสุดในโลกอยู่ที่อันดับ 3 ด้วย จึงเป็นธรรมดาที่หนังเรื่องนี้ที่เรียกว่าเป็นงานซูเปอร์มาสเตอร์พีซของคิง


เพราะถูกเขียนต่อเนื่องมากกว่า 40 ปี ด้วยจำนวนเล่มกว่า 8 เล่ม และเชื่อมโยงจักรวาลนิยายของคิงไว้มากมาย ย่อมถูกแฟน ๆ คาดหวังแบบสุดติ่งว่ามันต้องยิ่งใหญ่เทียบเทียมฉบับนิยาย ซึ่งคิงเองเปรียบเปรยว่ามันคือ The Lord of The Rings ผสมกับ The Good, the Bad and the Ugly (1966) ซึ่งเป็นผลงานปรากฏการณ์ทั้งสองเรื่องเลยด้วย


แต่กระนั้นปัญหาในการดัดแปลงมาเป็นหนังนั้นก็ยากยิ่งตามไปด้วย ผู้กำกับมากหน้าหลายตา บางคนได้รับชื่อว่าอัจฉริยะด้วยซ้ำต่างก็โบกมือบายไปนับไม่ถ้วน


จนโปรเจ็กต์นี้ตกมาอยู่ในมือ รอน โฮเวิร์ด ซึ่งเขาก็เลี่ยงไปรับเป็นโปรดิวเซอร์ และดันผู้กำกับจากเดนมาร์กที่มีผลงานแต่เพียงในบ้านตัวเองอย่าง นิโคลัจ อาร์เซล มาลองงานยักษ์ในฮอลลีวู้ดดูแทน โดยอาร์เซลนั้นมีผลงานเด่นจากการเขียนบทหนังเสียมากกว่า


หนังที่เขาเขียนบทอย่าง The Girl with the Dragon Tattoo (2009) เวอร์ชั่นต้นฉบับภาษาเดนมาร์ก น่าจะเป็นงานที่เรารู้จักมาสุด เขาจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการดัดแปลงนิยายชุดที่ใคร ๆ ก็ยอมแพ้นี้

แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงอาร์เซลเท่านั้น เพราะทีมเขียนบทยังได้มือดีมาร่วมอย่าง อากิว่า โกลด์สแมน เจ้าของรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์และลูกโลกทองคำมาแล้ว โดยทั้งหมดทำงานร่วมกับสตีเฟน คิง อย่างใกล้ชิด ทำให้ได้บทหนังที่คิงยอมรับว่ายอดเยี่ยมเหมาะเหม็งทีเดียว


เนื้อเรื่อง


หนังเล่าเรื่องของ อัศวินปืนไวคนสุดท้าย โรแลนด์ เดสเชน (ไอดริส เอลบ้า) ผู้ที่ทอดทิ้งทำหน้าที่คุ้มกันหอคอย เขาเหนื่อยหน่ายกับการต้องทำสงครามกับ วอลเตอร์ โอ’ ดิม หรือ จอมทมิฬ (แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์) ศัตรูชั่วช้าผู้ทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบกายโรแลนด์


โดยทั้งหมดจะมองผ่านสายตาของเด็กน้อยนาม เจค แชมเบอร์ (ทอม เทย์เลอร์) ผู้บังเอิญเข้ามาพบมิดแลนด์หรือโลกที่โรแลนด์กับวอลเตอร์ และเหล่าอสูรกายอาศัยอยู่นั่นเอง เจคเป็นกุญแจสำคัญในการที่วอลเตอร์จะทำลายหอคอยได้


ซึ่งหากโค่นหอคอยทมิฬสำเร็จจะทำให้จักรวาลทั้งหลายขาดสิ่งพิทักษ์ปกป้องจากเหล่าความมืดชั่วร้ายที่อยู่ภายนอก จึงเป็นหน้าที่อันจำยอมของโรแลนด์ที่จะต้องคุ้มครองเจ้าหนูน้อยคนนี้ให้รอดปลอดภัย

ที่ว่ามามันจึงเป็นงานที่ใช้พล็อตดูหนังออนไลน์พื้นฐานสุด ๆ อย่างธรรมะและอธรรม โดยมีโลกทัศน์ของสตีเฟน คิง และการสร้างตัวละครที่น่าสนใจโคตร ๆ เป็นตัวเสกสรรค์เรื่องราวให้แตกต่างน่าตื่นเต้นนั่นเอง


พล็อตเรื่อง


ด้วยพล็อตที่เขียนไว้ตั้งแต่ปี 1982 นี่คือการปัดฝุ่นให้ดูเป็นหนังคาวบอยที่ดูทันสมัยขึ้น เมื่อดูหนังจบก็จะพบว่ามันมีความหนังสไตล์คาวบอยอยู่น้อยมาก ขณะที่ความเป็นแฟนตาซีและไซไฟนั้นมีส่วนอยู่ค่อนข้างสูงกว่ามาก


หนังหยิบให้ชายสองคนที่ต่างวัยแต่มีบางสิ่งเหมือนกันให้ต้องมาเดินทางข้ามภพไปด้วยกัน คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่เจ็บปวดจากการสูญเสียพ่อไป กับอีกคนเป็นอัศวินปืนไวในอีกโลกหนึ่ง เขาก็สูญเสียผู้เป็นพ่อไปด้วยน้ำมือของชายในชุดดำ ตรงนี้ถือว่าบทเขียนออกมาได้น่าสนใจประมาณหนึ่งเลยทีเดียว


แต่สิ่งที่น่ากังวลสำหรับหนังของ ‘หอคอยทมิฬ’ ก็คือการดำเนินเรื่องที่เรื่อยๆ จนเกินไป ไม่มีจังหวะจะโคนที่จะทำให้คนดูติดหนึบกับตัวละคร เรื่องราวไม่ได้เดินช้าหากแต่เดินด้วยจังหวะเดิมตลอดจนเริ่มจะทำให้ง่วงๆ ในบางช่วงบางตอน


หนังไม่มีช่วงใดที่จะทำให้รู้สึกอินพอจะเอาใจช่วยตัวละครสักตัวนอกจากนั่งดูพวกเขาเดินทางไปมาระหว่างสองโลกเพลินๆ แง่มุมของตัวเอกที่มีต่อพ่อที่พวกเขาสูญเสียไป แทนที่จะได้ใช้ประโยชน์ให้คนดูได้อินบ้าง ก็ไม่ได้ถูกขับเน้น ปล่อยให้มันผ่านไปเสียเฉยๆ อย่างนั้น


จุดเด่น


จุดดีของหนังคือ เรื่องราวที่ไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อน ทุกอย่างดูเข้าใจง่าย ผสมผสานไปกับการมีตัวละครเท่ๆ อย่าง The Gunslinger ที่ Idris Elba รับบท เขาได้ช่วงเวลาของฉากบู๊แอ็คชั่นซีรี่ย์ Netflixแบบสิงห์ปืนไว ด้วยช็อตเท่ๆ คล้าย Wanted ทำให้หนังดูบันเทิงไปได้แบบเพลินๆ


อีกส่วนหนึ่งคือการมีนักแสดงที่ไม่เคยถูกโปรโมทว่าร่วมแสดงอย่าง Claudia Kim จึงเหมือนเป็นการโผล่มาเซอร์ไพรซ์แถมสะกดสายตาได้อยู่หมัด ด้วยความน่ารักของเธอ ทำให้ตัวละครสาวสวยผู้มีฌานอย่าง อาร์รา ดึงความสนใจของผู้ชมอย่างแทบจะทันที

รีวิว The Dark Tower

จุดเสีย


หนังทำดีแล้วแต่ยังดีไม่พอในการชนะใจตลาดยุคปัจจุบัน ที่ควรต้องก้าวข้ามตัวนิยายไปให้ได้ไกลกว่านี้ เพราะนิยายมันก็เริ่มเขียนมา 40 ปีกว่าแล้ว พลอตไอเดียอะไรที่เคยล้ำ ๆ เท่ ๆ เอามาใช้ตอนนี้มันทั้งเกร่อทั้งเชยไปเสียแล้ว


ซีจีพอได้ แต่ก็ยังไม่โดน อาจจะต้องว่ารวมไปถึงโปรดักชั่นดีไซน์ทั้งหมดที่ถ่ายทอดความเป็นดาร์คแฟนตาซีจากนิยายมาได้ไม่ดีพอ จักรวาลที่เล่าว่ามีมากมายก็มาให้เห็นแค่โลกเรากับโลกกลางเท่านั้นเอง ออกจะผิดหวังไปนิด ตรงนี้ล่ะมั้งที่แฟนคิงน่าจะเฟลสุดกับการสร้างภาพในจินตนาการได้ไม่ค่อยดีนัก


ตัวร้ายอย่างวอลเตอร์ คิดว่าทำให้น่ากลัวให้เหี้ยมได้มากกว่านี้อีก ซึ่งน่าจะทำให้หนังดาร์คขึ้นด้วย (นี่ก็ดาร์คประมาณหนึ่งละนะ) อีกอย่างคือพลังของตัวร้ายออกแนวสะกดจิตบังคับใจซึ่งก็ไม่เอื้อให้โชว์ซีจีอลัง ๆ แล้วยังไม่เอาการสะกดจิตมาขยี้ให้ดราม่าหนัก ๆ อีก เลยกลายเป็นตัวร้ายที่เดินไปเดินมาไม่มีภาพให้จำเท่าไหร่


หนังมีโดด ๆ หลุด ๆ เหตุผลบ้างนิดหน่อย แค่พอชวนให้สะดุดว่า อ่าวเมื่อกี้มาตรงนี้ยังไงฟระ แต่ก็ไม่ถึงกับพลอตโหว่แหว่งจนน่าเกลียดนะ


สรุป


หนังมันมาช้าไปมาก เสียเวลาพัฒนาไปหลายสิบปี จนอะไร ๆ มันเก่ามันเชยไปแล้ว คือมาช้ามาหลังกาลมาก ถ้ามาเสียแต่ต้น ๆ แม้ซีจีจะยังไม่เนี้ยบ แต่เชื่อว่ามันจะเป็นหนังขึ้นหิ้งของคิงมากกว่านี้แน่ ๆ

ดู 29 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

It Chapter Two

The Nun

Don’t Listen

Comments


bottom of page