รีวิว Teenage Mutant Ninja Turtles 2 - เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่
ชื่อไทยของหนังภาคนี้คือ ‘เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่’ ที่บ่งบอกเรื่องราวปมหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังภาคนี้ ภาคที่แล้วเหมือนเป็นภาคที่บอกเล่าจุดกำเนิดของพวกเขาทั้งสี่และปรมาจารย์หนูที่คอยดูและเหล่าเต่าให้ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับการรู้จักใช้พลังของตนเองเพื่อช่วยเหลือเมืองนิวยอร์กที่พวกเขารักอยู่ในหลืบเงาที่ไม่มีใครรู้เห็น รีวิว Teenage Mutant Ninja Turtles 2
เรื่องย่อ
ในภาคนี้ทั้งไมเคิลแองเจโล, ดอนนาเทลโล, ลีโอนาร์โดและราฟาเอลกลับมากันอย่างครบทีม ทั้งสี่กับเอพริล โอ’นีล (เมแกน ฟ็อกซ์), เวิร์น เฟนวิค (วิล อาร์เน็ตต์) และเพื่อนใหม่ของพวกเขาภายใต้หน้ากากฮ็อกกี้ เคซีย์ โจนส์ (สตีเฟน อาเมล)
หลังจากที่จอมวายร้าย ชเรดเดอร์ (ไบรอัน ที) ได้หลบหนีจากการถูกคุมขัง เขาก็ได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง แบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมน (ไทเลอร์ เพอร์รี) และสองวายร้ายสมองทึบ บีบ็อป (แกรี แอนโธนี วิลเลียมส์) และร็อคสเตดดี้ (ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการมวยปล้ำ สตีเฟน “เชียมัส” ฟาร์เรลลี) เพื่อดำเนินแผนการร้ายในการยึดครองโลก
พอหนังภาคแรกอย่าง ‘Teenage Mutant Ninja Turtles’ ประสบความสำเร็จ กวาดรายได้จากทั่วโลกมากกว่า 490 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็เป็นที่แน่นอนว่าค่ายหนังต้องผลักดันภาคต่อให้เกิดขึ้นมาอย่างแน่นอน ยังคงเป็น Michael Bay ที่นั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ โดยเปลี่ยนมือผู้กำกับมาเป็น Dave Green แห่ง ‘Earth to Echo’
TMNT หรือชื่อเต็ม Teenage Mutant Ninja Turtles หรือเรียกบ้านๆแบบไทยๆว่า เต่านินจา ตอนนี้ก็กลับมาในฉบับภาพยนตร์เป็นภาคที่ 2 ภายใต้การดูแลของ เฮียไมเคิล เบย์ ที่เราคุ้นเคยอย่างดีว่าเป็นจอมระเบิดภูเขาเผานิวยอร์คคนหนึ่งของวงการ
งานนี้เฮียเบย์ยังใช้บริการดันเด็กอย่าง Dave Green มากำกับ แล้วนั่งโปรดิวซ์อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเช่นเดิม โดยภาคก่อนเมื่อปี 2014 นับเป็นการปรับภาพลักษณ์เต่านินจาครั้งสำคัญให้ดูจริงจังขึ้นเยอะ หน้าแก่ขึ้นเยอะ จนทีมงานกระดากใจจะใส่ชื่อ ทีนเอจ ที่แปลว่าวัยรุ่นลงในชื่อหนังเลยทีเดียว
โดยจะใช้ชื่อหนัง Ninja Turtles แปลได้ว่า นินจาเต่า ตรงตัวสบายบ้านเราเรียกเลย แต่ว่าแฟนๆ เมืองนอกพอรู้ข่าวก็โจมตีใหญ่ว่าไม่ได๊ไม่ได้นะเฮ้ย เลยต้องออกมาชื่อเต็มตามต้นฉบับ เป็น Teenage Mutant Ninja Turtles ซึ่งจะขอเรียกย่อว่า TMNT ไปนะครับ
มาในภาคนี้
นาย เดฟ กรีน ผู้กำกับนี้ ชื่อชั้นทำหนังไม่ปรากฏแน่ชัดเพราะผลงานหนังใหญ่น้อยมาก แต่ด้วยความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคอมมิก TMNT ก็น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญให้เบย์ไว้ใจมากำกับพอสมควร และก็ไม่ผิดหวังสำหรับแฟนๆคอมมิกนะ
เพราะภาคนี้ตัวละครที่เราคุ้นเคยและรู้จักมันดีจากตอนเป็นคอมมิกตลอดจนซีรีส์ทีวีมากันครบ เรียกว่ามากันครบครั้งแรกในประวัติศาสตร์เต่านินจาที่ทำเป็นหนังเลยล่ะ เพราะนอกจาก 4 เต่า อย่าง หัวหน้าทีมลีโอนาร์โด จอมพลังราฟาเอล อัจริยะดอนนาเทลโล่
และจอมซ่าไมเคิลแองเจโล่ กับ 1 อาจารย์หนูสปรินเตอร์ นักข่าวสาวเอพริล โอนีล (เมแกน ฟ็อกซ์) และฮีโร่จำเป็นอย่างตากล้องเวอร์นอน เฟนวิค ที่เราคุ้นเคยในภาคก่อน ยังทีมอัพด้วย ฮอกกี้ฮีโร่เคซี่ โจนส์ (สตีเฟน เอเมลล์ จากซีรีส์ Arrow) ด้วย
สำหรับชื่อภาค Out of the Shadows นั้นดูหนังออนไลน์มาจากความขัดแย้งในใจของเหล่าเต่านินจาทั้ง 4 คน ที่ถึงแม้จะปกป้องเมืองจากอันตรายหลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจได้รับคำชมจากใคร หรือแม้แต่การใช้ชีวิตปกติอย่างคนทั่วไปก็เป็นไปไม่ได้เลย
เสมือนฮีโร่ที่ต้องอยู่แต่ในเงามืดเท่านั้น เมื่อทั้ง 4 ได้พบกับน้ำยากลายร่างของแครงและรู้ว่ามีโอกาสที่จะเป็นมนุษย์ปกติได้ พวกเขาก็ต้องตัดสินใจทางเดินชีวิตครั้งสำคัญว่าอยากจะอยู่ในเงามืดนี้ต่อไปไหม
เนื้อเรื่อง
ภาคนี้เล่าเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคก่อน ยังคงมีตัวร้ายอย่างเชร็ดเดอร์ (Tohoru Masamune) ที่กลับมาอีกครั้ง แถมยังร่วมมือกับศาสตราจารย์สติเฟื่องอย่าง แบ็กซเตอร์ สต็อกแมน (Tyler Perry) ผู้ใฝ่ฝันจะกลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก
โดยมีบีบ็อพ (Gary Anthony Williams) และร็อกสเตดดี้ (Stephen Farrelly) สองนักโทษสมองน้อยที่บังเอิญหลุดคุกแล้วถูกแปลงร่างให้กลายเป็นมอนสเตอร์ ซึ่งก็คือเจ้าแรดยักษ์กับหมูป่าตัวใหญ่ในหนังตัวอย่างนั่นเอง
แต่หนังก็ไม่ได้มีวายร้ายอยู่เท่านั้น เพราะมันยังซ่อนตัวร้ายที่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่คิดจะก้าวข้ามมายังโลกด้วยจุดประสงค์พื้นๆ อย่าง “กูจะครองโลก” เราจะเห็นว่าตัวร้ายในภาคนี้ดูเพิ่มเติมมาจากครั้งก่อน เรื่องราวจึงมีอะไรให้เล่าได้อย่างมีสีสันมากขึ้น
และแน่นอนว่า ฝ่ายพระเอกก็ยังคงมีตัวเดิมๆ อย่างสี่เต่า Michelangelo, Donatello, Leonardo และ Raphael ที่มีมนุษย์สาวสวยสุดเซ็กซี่ดีกรีนักข่าวอย่าง เอพริล (Megan Fox) คอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง
แถมยังพกเอาชายหนุ่มรูปหล่อผู้ฝันจะเป็นตำรวจมือดีแต่ยังไม่มีใครเห็นอย่าง เคซีย์ โจนส์ (Stephen Amell) เข้ามาร่วมก๊วนด้วย พร้อมยังมีตัวแจมอย่าง เวอร์นอน (Will Arnett) ที่คอยรับหน้าเสื่อแทนเต่านินจาทั้งสี่จนกลายเป็นฮีโร่และได้กุญแจเมืองมาห้อยคอนั่นเอง
การดำเนินเรื่องในภาคนี้
ภาคนี้เล่าต่อจากเว็บดูหนังภาคก่อนเลย เมื่อเชร็ดเดอร์โดนจับจากภาคก่อน และระหว่างกำลังถูกส่งตัวไปยังเรือนจำอีกแห่ง พร้อมกับสองอาชญากรอย่างบีบ๊อปและร๊อกสเตดี้ (ที่ยังไม่กลายพันธุ์) จึงเป็นโอกาสที่เหล่าฟุตแคลนด้วยความช่วยเหลือของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ดร.แบ๊กเตอร์ จะเข้าชิงตัวเจ้านายกลับมา
เมื่อเหล่าเต่านินจาทราบจึงรีบมายับยั้งแผนการ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะระหว่างยื้อยุดกันนั้น ดร.แบ๊กเตอร์ก็ใช้เครื่องวาร์ปย้ายร่างเชร็ดเดอร์หายไปต่อหน้าต่อตาเหล่าฮีโร่ เชร็ดเดอร์ถูกวาร์ปไปยังยานแห่งหนึ่งและได้พบกับแครง
ที่บอกว่าเขาคือเจ้าของเทคโนโลยีที่ดร.แบ๊กเตอร์บังเอิญพบ และเขาต้องการให้เชร็ดเดอร์ตามหาอุปกรณ์วาร์ปนี้อีก 2 อันเพื่อสร้างประตูมิติขนาดใหญ่ให้กองทัพแครงของเขาได้มายึดโลกนี้ได้
โดยแครงได้มอบอาวุธสำคัญให้เชร็ดเดอร์ด้วยนั่นคือน้ำยากลายพันธุ์เพื่อสร้างสุดยอดทหาร และแน่นอนเชร็ดเดอร์ที่ได้พบกับบีบ๊อปกับร๊อกสเตดี้อีกครั้งก็รู้ทันทีว่าเขาจะหาหนูทดลองจากไหน
ส่วนฟากฝั่งฮีโร่ เคซี่ โจนส์เจ้าหน้าที่คุมตัวนักโทษที่ตั้งใจเป็นตำรวจสืบสวนในสักวัน เขากลับทำพลาดให้เชร็ดเดอร์หนีไปได้จึงต้องหันไปเป็นศาลเตี้ยในชุดฮอกกี้และได้พบกับเอพริล ก่อนจะรวมทีมกับเหล่าเต่านินจาในที่สุด
ส่วนฟากตัวร้ายนอกจากดาวร้ายตัวหลักอย่าง กงเล็บเหล็กผู้นำทัพฟุตแคลนเชร็ดเดอร์ (เปลี่ยนจากดาราญี่ปุ่น โทโฮรุ มาซามุเนะ ในภาคก่อนมาเป็น ไบรอัน ที) กับมือขวาสาวคาไร (เปลี่ยนจากดาราสาว มิเนะ โนจิในภาคก่อนมาเป็น บริททานี อิชิบาชิ) มาภาคนี้ทีมอัพแบบครบวง ทั้งจอมวายร้ายต่างดาวรูกสมองในหุ่นเหล็กแครง
ทั้งสองคู่หูกลายพันธุ์ฮาป่วนหมูป่าบีบ๊อปกับแรดร็อกสเตดี้ ทั้งนักวิทยาศาสตร์บ้าแห่งฟุตแคลนอย่างดร.แบ็กเตอร์ สต็อกแมน ซึ่งนับเป็นทีมวายร้ายที่อยู่ครบแก๊งครั้งแรกสำหรับเวอร์ชั่นคนแสดงเลยทีเดียว บอกเลยว่านึกย้อนไปสมัยได้ดูทางทีวีเมื่อก่อนแล้วความฟินบังเกิดเลยทีเดียว
โดยรวม
หนังสนุกแบบการ์ตู๊นการ์ตูน เป็นไปตามโจทย์ที่เบย์วางไว้แต่ต้นที่ไม่เน้นดราม่าเข้มข้นแบบหนังฮีโร่พิมพ์นิยม (ในภาคแรก ถึงขนาดว่าเฮียแกสั่งถ่ายใหม่เพราะดูดาร์คเกินไปมาแล้วนะ) และถึงแม้คาแรกเตอร์เต่านินจาจะดูจริงจังขึ้น เรียลขึ้น ดาร์คขึ้น
แต่การเดินเรื่องนี่เอามันเอาจัดจ้านแบบการ์ตูนเลย มาภาคนี้คิดว่าเล่าเรื่องได้ดูเพลินมากๆ ความบังเอิญความง่ายของปัญหาและการแก้ปัญหาก็ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก เหมือนดูเป็นจุดอ่อนแต่ถ้ามองว่ามันเป็นหนังที่ทำกลุ่มคนดูกว้างๆมันก้โอเคเลยล่ะ
เด็กๆก็เข้าใจง่ายดูสนุกง่าย เรียกว่าไม่ต้องคิดไรเยอะดูเอาเพลินเอามัน บันเทิงๆไปได้ตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงเลยล่ะ แถมมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆให้เซอร์ไพรส์ตลอดอย่างเจ้ารถขนขยะสุดไฮเทคที่เราคุ้นเคยของเหล่านินจาเต่าในการ์ตูน
ในภาคนี้นอกจากจะเปิดตัวอย่างเท่แล้วยังมีฟังก์ชั่นโชว์เทพให้ชมด้วย นี่ยังไม่นับพวกอีสเตอร์เอ้กต่างๆในเรื่องที่ไว้ให้แฟนตัวจริงได้ฟินด้วย ยกอย่างเช่น ทะเบียนรถ MIRAGE84 ที่มาจากหัวคอมมิก Mirage ที่เต่านินจาเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1984 ด้วยเป็นต้น
สรุป
หนังสนุกแบบเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี มีมุกให้ขำขันอมยิ้มได้ตลอดเรื่องตามสไตล์หนังเน้นบันเทิงกลุ่มคนดูทั่วไปตั้งแต่เด็กยันแก่ ใครชอบอะไรที่ซับซ้อนๆ ก็คงบอกน่าเบื่อ แต่คนที่อยากเอนเตอร์เทนตัวเองด้วยอะไรที่ไม่ต้องเครียดนี่คือหนังตอบโจทย์เป๊ะ
ข้อเสียก็มีบ้างตามข้อดีนั่นล่ะคือคงไม่ถูกใจคนที่ต้องการอะไรที่จริงจังๆ กว่านี้ตรรกะแน่นๆ แบบนั้น คะแนนเมืองนอกออกมาค่อนข้างต่ำ แต่ผมบอกเลยว่ามันก็ธรรมดาตามประสาหนังเฮียเบย์แกล่ะ
คือเขาไม่ได้ทำเอาคำยกยอน่ะ เขาทำเอาสนุกเอามัน ซึ่งคนที่ชอบอะไรแบบนั้นก็ดูเถอะ นี่ไม่ใช่งานที่แย่อะไรเลยค่อนข้างดีด้วยซ้ำนะในฐานะหนังบันเทิง
Comments