รีวิว Sol Levante - ตะวันแห่งบูรพา
ตะวันแห่งบูรพา คือแอนิเมชันความยาว 4 นาทีครึ่ง (เนื้อเรื่องจริงๆ 3 นาที ที่เหลือเป็น End Credit) ที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 2 ปี! แต่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความงดงาม คมชัดในแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เพราะเป็นครั้งแรกที่แอนิเมชันถูกนำเสนอด้วยความคมชัดในระดับ 4K HDR (High Dynamic Range) และที่สำคัญนี่คือแอนิเมชัน ‘วาดมือ’ (ใช้ Apple Pencil วาดบน iPad) แบบ 100% (ว้าว!!) รีวิว Sol Levante
เรื่องย่อ
นักรบสาวและพวกออกตามหาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันว่าจะช่วยบันดาลให้ความปรารถนาเป็นจริง แต่ต้องไม่ทำให้ผู้พิทักษ์และดวงวิญญาณแห่งยุคโบราณกาลโกรธกริ้ว
แม้ว่าในปัจจุบันนี้เรา ๆ คงได้มีโอกาสสัมผัสกับสื่อบันเทิงทั้งรายการ หนัง คลิปต่าง ๆ ด้วยความคมชัดสูงถึงระดับ 4K เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือเรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นความคมชัดระดับมาตรฐานที่เริ่มจะเข้ามาแทนที่ความคมชัดแบบ Full HD 1080P
ที่เคยเป็นมาตรฐานมาก่อนหน้านี้ ถ้าเอา ณ ตอนนี้หลาย ๆ กองถ่ายก็เริ่มขยับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการถ่ายทำเพื่อรองรับการถ่ายทำและตัดต่อแบบ 4K แล้ว คือพูดง่าย ๆ ว่า ตอนนี้เราดูคลิป 4K เนียนกริ๊บกันจนปรุมาสักพักแล้ว
แต่คุณผู้ชมเป็นเหมือนกันไหมครับ ว่าเราไม่เคยเอะใจเลยว่ามีภาพเคลื่อนไหวอะไรในโลกใบนี้ที่ยังไปไม่ถึงความคมชัดระดับ 4K บ้าง
จริง ๆ แล้วความก้าวหน้าในโลกของแอนิเมชันนั้น ก็เริ่มขยับขยายสู่เทคโนโลยี High Dinamic Range หรือ HDR บ้างแล้วนะครับ HDR อธิบายง่าย ๆ ก็คือเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มขอบเขตของสีสันให้มากขึ้น
และสร้างความเปรียบต่างของภาพด้วยการเพิ่มแสงในจุดที่สว่างและมืดในภาพเฟรมเดียวกัน ซึ่งภาพที่ได้ก็จะมีสีสันที่สดสวยกว่าปกติ และมีความลึกของภาพที่มีมิติซับซ้อนยิ่งขึ้น ส่วนที่สว่างก็จะสว่างสวยคมชัด ส่วนจุดมืดหรือสีดำก็จะเป็นสีดำจริง ๆ ไม่ใช่สีดำเทา ๆ ตุุ่น ๆ เหมือนที่เราเห็นในทีวีแต่ก่อน
โดยแอนิเมชันเองเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีนี้บ้างแล้วในการรีเมกแอนิเมชันเก่า ๆ เพียงแต่ว่าความน่าสนใจของ Sol Levante นี้ก็คือ จะเป็นแอนิเมชันที่ใช้เทคโนโลยีความคมชัดระดับ 4K และให้ความละเอียดในระดับ HDR และวาดมือเป็นดิจิตอล 100% เรื่องแรกของโลก!
เนื้อเรื่อง
ว่ากันด้วยเนื้อเรื่อง คอนเซ็ปต์ของ Sol Levante คือเรื่องของการ “Reborn” หรือว่า “การกำเนิดใหม่” นั่นเอง เพราะคำว่า Sol Levante เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า “พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก” ซึ่งก็หมายถึงประเทศญีปุ่นนั่นเอง และอีกนัยหนึ่งที่คุณไซโตได้บอกไว้ตอนสัมภาษณ์ก็คือ การที่พระอาทิตย์ขึ้นก็เหมือนการเกิดใหม่ของเทคโนโลยีที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็จะโยงเข้ากับเรื่องย่อของตัวแอนิเมชันที่เล่าถึงเรื่องของการกำเนิดใหม่
เรื่องของนักรบหญิงนิรนามคนหนึ่งที่ออกเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อดลบันดาลในสิ่งที่เธอปรารถนา แต่แล้วเธอก็ต้องเผชิญกับวิญญาณเก่าแก่ที่สิงสถิต ณ สถานที่นั้นไล่ล่าและแม้เธอจะเพลี่ยงพล้ำลงแค่ไหน แต่ในที่สุดเธอก็ได้ “เกิดใหม่” ขึ้นอีกครั้ง
แอนิเมชันทดลองขนาดสั้น
ตัวแอนิเมชันเองวางตัวเองไว้เป็น “แอนิเมชันทดลองขนาดสั้น” ก็คือเป็นการทดลองใช้และสร้างแอนิเมชันด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล 100% ตั้งแต่การวาดมือบนแท็บเล็ต เพื่อให้ได้ภาพที่มีความละเอียดเหมาะสมสำหรับการทำแอนิเมชัน 4K เป็นการทดลองในเบื้องต้น
เนื่องจากว่าทาง Production I.G นั้นได้ร่วมมือกับ Netflix ในการที่จะทำ Sol Levante .ให้เป็นแอนิเมชันดูหนังฟรี 4K HDR เรื่องแรกในโลก แถมยังเป็นแอนิเมชันวาดมือล้วน ๆ อีกต่างหาก ซึ่งกว่าที่เราจะได้ดูกันก็ปาเข้าไปกว่า 2 ปี ในที่สุดเราก็ได้ชมแอนิเมชันขนาดสั้นมาก ๆๆๆๆๆ สั้นเพียง 4 นาทีครึ่งเอง!
คือสั้นไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ (MV เพลงไทยเดี๋ยวนี้ยังยาวกว่าเลย 555) ซึ่งจากที่ผมฟังการสัมภาษณ์ ก็พอจะเข้าใจนะครับว่าด้วยความที่ทีมอนิเมเตอร์ที่ทำงานนี้ก็ค่อนข้างน้อย และทรัพยากรก็มีจำกัด แถมยังต้องมาเรียนรู้การวาดแอนิเมชันบน iPad ด้วย Apple Pencil อีก
แถมยังต้องมาปรับเปลี่ยนกระบวนการทำใหม่อีกต่างหาก ก็เลยต้องมีการตัดทอนบางอย่างที่เกินกำลังออกไปบ้าง และทำเท่าที่ทำได้ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็เลยออกมาเป็นแอนิเมชันขนาดสั้นกระจิ๋วหลิวเรื่องนี้แหละครับ
รวมถึงเนื้อหาเองก็เป็นเชิงของการทดลองเหมือนกัน เพราะด้วยความที่มันสั้นไม่ถึง 5 นาที (และน่าจะเป็นเพราะทีมงานตัดส่วนที่ยังทำไม่ได้และใช้เวลามากเกินไปออก) ผลก็คือ ตัวเรื่องดำเนินเรื่องแบบรวดเร็วมาก ๆ แบบไม่ปูเรื่องราวและให้ข้อมูลใด ๆ
ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องหนังใหม่ชนโรงไปเองตั้งแต่ต้นจนจบ คือถ้าเป็นสายแข็งหน่อยคงดูแล้วเข้าใจล่ะครับ แต่ผมก็คิดไปว่า การที่เล่าเรื่องแบบเร็วจี๋ขนาดนี้ มันก็ย่อมไม่ใช่แอนิเมชันที่แมสและเป็นเรื่องที่คนทั่วไปจะดูแล้วเข้าใจง่าย ๆแน่นอน
แม้ว่าผมเองจะไม่ได้ติดใจในเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องเท่าไหร่ ดูแล้วพอเข้าใจ และดูซ้ำได้แน่ ๆ แต่ก็แอบเสียดายนิดหน่อยว่า ถ้าปูเรื่องราวให้คมกว่านี้สักหน่อย หรือขยายเรื่องราวซีนต่าง ๆ ให้ยาวออกไปสักนิด ซัก 10 นาทีอะไรแบบนี้ ผมว่าจะเป็นอะไรที่น่าจะตื่นตาตื่นใจได้มากกว่านี้แน่นอน
คือน่าจะทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามมากขึ้น และในแง่เทคนิค ถ้ายาวกว่านี้ได้ ผมคิดว่าสตูดิโอก็คงจะได้โชว์ศักยภาพของเทคโนโลยี 4K HDR ได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยและ “สุด” ไปกว่านี้ได้อีกเยอะเลยล่ะครับ
ความคมชัดระดับ 4K HDR
ส่วนเรื่องของความคมชัดระดับ 4K HDR ที่ผมอุตส่าห์โม้มาตั้งนาน ถ้าจะให้ผมรีวิวเรื่องของเทคนิค ผมคงพูดได้สั้น ๆ จากการที่ได้ลองชมผ่านทีวีที่รองรับ 4K HDR (และที่สำคัญคือ ต้องมีบัญชี Netflix แบบ Premium ด้วย ถึงจะดูแบบ 4K ได้ ) เท่าที่ผมได้ทดลองชมอย่างเต็มรูปแบบ
ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมาก ๆ ครับ เพราะว่าด้วยความเป็น 4K ของแอนิเมชันที่คมชัดสุด ๆ จนแทบไม่มี Motion Blur ให้เห็น เป็นแอนิเมชันที่ “แตกต่าง” จากแอนิเมชันเรื่องอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เรื่อง Frame rate ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่ว่าเป็นแอนิเมชันที่เฟรมเรตสูงกว่าเรื่องอื่น ๆ แน่นอน
ส่วนเรื่องความสวยงามของแอนิเมชันคงไม่ต้องพูดถึงนะครับ สวยงามและมีเทคนิคตื่นตาตื่นใจมาก อาจารย์ไซโต ผู้กำกับที่วาดเองกับมือนั้นสามารถวาดออกมาได้สวยงามยอดเยี่ยมสมศักดิ์ศรีสตูดิโอระดับโลก ตัวละครดูสวยงาม เป็นธรรมชาติสุด ๆ (ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือ ตัวละครนักรบหญิงที่อาจารย์ไซโตวาดนั้น “สวย” มาก ๆ เลยครับ แหะ ๆๆ )
การเคลื่อนไหวของภาพแต่ละเฟรมก็ดูเนียนตามาก ๆ อย่างเช่นเส้นผมของตัวละครที่พลิ้วไหวได้ดูลงตัวมาก ๆ แม้แต่ Background ที่อาจารย์เป็นคนลงมือวาดเองก็ยังมีรายละเอียดคมชัดสุด ๆ ไปเลย
ที่ผมรู้สึกทึ่งอีกอย่างก็คือเรื่องของเทคโนโลยี HDR ที่ให้สีสันที่คมชัด มีมิติ ต่างจากแอนิเมชันทั่ว ๆ ไปอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ คือมีสีสันที่คมชัด มีมิติภาพที่ลึกมาก ส่วนที่เป็นแสงหรือสีขาว ๆ ก็สว่างสวย ส่วนบริเวณจุดมืดหรือสีดำก็ดำสนิทจริง ๆ
และจะไม่พูดเรื่องเสียงก็ไม่ได้ เพราะเรื่องเสียงเขาก็พิถีพิถันมาก ๆ ไม่ใช่ไก่กานะครับ เพราะว่าเป็นเสียงที่ได้รับการบันทึกภายใต้มาตรฐาน Dolby Atmos เชียว ด้วยการบันทึกและอัดเสียงด้วยไมโตรโฟน 3 มิติ ผลที่ได้ก็คือมิติเสียงที่แยกกันแบบชัดเจน และคมชัดมาก ๆ มีความพุ่งของเสียงแบบชัดเจนตามสไตล์ Dolby Atmos เลยแหละ
สรุป
แน่นอนแหละว่า Production I.G คงต้องการให้ Sol Levante เรื่องนี้เป็นตัวชิมลางแอนิเมชันมาตรฐาน 4K HDR เป็นกึ่ง ๆ งานทดลองขนาดสั้นที่ต้องการจะสร้างมิติใหม่ให้กับวงการแอนิเมชันได้เห็นว่ามันเป็นไปได้จริง มันก็เลยอาจจะสั้นและดูรวบรัดไปนิด จนถ้าคนที่ไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์โดยรวมของแอนิเมชันเรื่องนี้ก็อาจจะดูแล้วงงและไม่เข้าใจไปเลยก็ได้
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ จริงจังในงานด้านภาพและเสียงมาก ๆ จนอยากลองหาทีวีที่รองรับทั้ง 4K และ HDR รวมถึงหา Soundbar ดี ๆ ที่รองรับ Dolby Atmos (และอยากอัปเกรดบัญชี Netflix เป็นแบบพรีเมียม)
นี่คืออรรถรสและการดื่มด่ำ “แอนิเมชันที่ (น่าจะ) มีความคมชัดสูงที่สุดในโลก ณ เวลานี้” และผจญภัยไปกับเรื่องราวสุดมหัศจรรย์แห่งการ “กำเนิดใหม่” ในแบบที่สามารถดูจบได้ในชั่วอึดใจ ผมเชื่อว่าแอนิเมชันเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่คุณผู้อ่านน่าจะดีใจที่ได้ดู เหมือนกับผมที่ก็ดีใจเช่นกันที่ได้ดู
Comentarios