รีวิว Shadow In The Cloud - ประจัญบาน อสูรเวหา
ย้อนกลับไปปี 2010 หนุ่ม ๆ ต่างตกหลุมรักโคลอี เกรซ มอเรตซ์ (Chloë Grace Moretz) สาวน้อยขาบู๊หน้าละอ่อนริมฝีปากอวบอิ่มที่โผล่มาซัดเหล่าร้ายใน Kick Ass ผลงานเรื่องนี้ล่ะที่เปิดโอกาสให้เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับดัง ๆ มากมายทั้งมาร์ติน สกอร์เซซี กับ HUGO (2011) อังตวน ฟูควา กับThe Equalizer (2014) หรือกระทั่งได้เล่นหนังรีเมกทั้ง Let Me In (2010) Carrie (2013) เรียกได้ว่าตลอด 10 ปีในวงการเธอแทบจะไม่เคยหายไปไหน ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ในหนังดีบ้างแย่บ้าง สำเร็จบ้างล้มเหลวบ้างและยังไม่เคยประสบความสำเร็จเท่า Kick Ass ได้อีกเลย รีวิว Shadow In The Cloud
เรื่องย่อ
เป็นเหตุการณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ของทหารอเมริกัน บรรทุกทีมทหารอากาศชายจำนวน 6 คน กำลังเดินทางจากนิวซีแลนด์ไปอเมริกา ขณะนั้นมีนักบินหญิง มาร์เกต (แสดงโดย โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์) ขอขึ้นเครื่องไปด้วยอ้างว่าตนเองมีหน้าที่นำพัสดุที่เป็นความลับทางทหารไปส่งยังปลายทาง
แต่หัวหน้านักบินไม่ได้รับรายงานเรื่องการขอขึ้นเครื่องบินจากต้นสังกัด จึงสั่งให้เธอต้องลงไปอยู่ในห้องควบคุมการยิง ซึ่งมีไว้ใช้สำหรับยิงเครื่องบินศัตรู ขณะอยู่ในนั้นเธอได้ยินเสียงประหลาด
และเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ในก้อนเมฆ มันคืออสูรร้ายกลางเวหาที่เธอต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่เมื่อเธอบอกกับเพื่อนร่วมเดินทาง ต่างไม่มีใครเชื่อ เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดหลายอย่างเกิดขึ้นซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ ประกอบกับเครื่องบินศัตรูก็บุกเข้ามายิงแบบไม่ยั้ง
ย้อนกลับไปปี 2010 หนุ่ม ๆ ต่างตกหลุมรักโคลอี เกรซ มอเรตซ์ (Chloë Grace Moretz) สาวน้อยขาบู๊หน้าละอ่อนริมฝีปากอวบอิ่มที่โผล่มาซัดเหล่าร้ายใน Kick Ass ผลงานเรื่องนี้ล่ะที่เปิดโอกาสให้เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับดัง ๆ มากมายทั้งมาร์ติน สกอร์เซซี กับ HUGO (2011) อังตวน ฟูควา กับThe Equalizer (2014)
หรือกระทั่งได้เล่นหนังรีเมกทั้ง Let Me In (2010) Carrie (2013) เรียกได้ว่าตลอด 10 ปีในวงการเธอแทบจะไม่เคยหายไปไหน ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ในหนังดีบ้างแย่บ้าง สำเร็จบ้างล้มเหลวบ้างและยังไม่เคยประสบความสำเร็จเท่า Kick Ass ได้อีกเลย
ที่ต้องเกริ่นนำผลงานของโคลอี เกรซ มอเรตซ์ ในรีวิวหนัง Shadow in the cloud เรื่องนี้ก็คงด้วยเหตุผลว่าหน้าหนังทำให้เราย้อนกลับไปมองโคลอีในฐานะนางเอกหนังบู๊อีกครั้งด้วยโปสเตอร์ที่นำเสนอภาพน้องโคลอี้เกาะแกะปีนป่ายเครื่องบินรัวกระหน่ำกระสุนขายความเป็นหนังเกรดบีเต็มที่เลย ทำให้อดตั้งความหวังไม่ได้ว่าหรือนี่จะเป็นหนทางกลับสู่สปอตไลต์ของเธอ
เนื้อเรื่อง
เปิดเรื่องด้วยแอนิเมชันที่มุ่งให้ทหารหนุ่ม ๆ ของกองทัพเกรงกลัวเกรมลินค้างคาวยักษ์ที่มุ่งโจมตีเหล่าทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วหนังก็ตัดไปที่ภาพของ มอว์ด แกร์เร็ต (โคลอี เกรซ มอเรตซ์) ช่างเครื่องบินหญิงที่มาพร้อมกระเป๋าปริศนาพร้อมอ้างภารกิจลับสุยอดจากผู้บังคับบัญชาเพื่อขึ้นเครื่องบินรบ Fool’s Errand หรือแปลง่ายก็คืองานคนโง่เพื่อบ่งบอกถึงภารกิจประหนึ่งการฆ่าตัวตายได้ตลอดเวลา
แล้วทีนี้…สิ่งที่คนดูไม่ได้เตรียมใจก็เกิดขึ้น ! เพราะเมื่อมอว์ดได้ขึ้นไปบนเครื่องบินรบดังกล่าวเธอก็ถูกคุกคามทั้งทางวาจา (อีหนูนี่ขึ้นเครื่องบินรบมาได้ยังไง)ส่อไปในทางเหยียดเพศแทบทันที
(ผู้หญิงในทัพฟ้าถ้าไม่เป็นเลสเบี้ยนก็เป็นพวกผู้หญิงขายตัว) และถ้ายังชัดเจนไม่พอพวกเขาให้เธอลงไปอยู่ในป้อมปืนใต้เครื่องด้วยเหตุผล “ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้หญิงบนเครื่องบินลำนี้”
ซึ่งตลอดองก์แรกของหนังใหม่เต็มเรื่อง ก็พิสูจน์ให้เราเห็นว่าไม่เพียงแต่พื้นที่ในเชิงกายภาพเท่านั้น แต่พื้นที่ในหัวใจของเหล่าทหารหนุ่มเองก็กลับมีแต่ความคับแคบใจดำ เพราะขนาดส่งเธอไปอยู่ใต้เครื่องบินแล้วคำพูดที่ลอดมาจากวิทยุสื่อสาร
ก็กลับมีแต่คำพูดทิ่มแทงจากบรรดาหนุ่ม ๆ ในเครื่องแบบ บ้างก็อยากจะแอ้มเธอ บ้างก็ดูถูก จนคนดูสัมผัสได้ถึงอารมณ์แบบ “เฟมินิสต์มาเต็ม” และมันยังไปได้ดีกับอารมณ์หวาดระแวงของมอว์ดที่เผชิญศึกรอบด้าน
ซึ่งแม้ว่าองก์ 2 เป็นต้นไปมันจะขายแอ็กชันบู๊สะบั้นซัดแหลกแค่ไหน แต่ช่วงเวลาองก์แรกของหนังก็จัดว่าโชว์ฟอร์มกำกับของ โรแซน เหลียง ผู้กำกับชาวจีน – นิวซีแลนด์ที่ขอปั้นโพรเจกต์แอ็กชันแฟนตาซีให้ติดกลิ่นเฟมินิสต์เข้ม ๆ แรง ๆ ซึ่งเมื่อมองไปยังเหตุการณ์เบื้องหลังที่แม็กซ์ แลนดิส มือเขียนบทเดิมถูกดำเนินคดีข้อหาล่วงละเมิดทางเพศแล้ว การรีไรต์สคริปต์ของโรแซน เหลียงก็นับว่าเต็มไปด้วยนัยที่เจ็บแสบมากทีเดียว
ฉากแอ็กชัน
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าฉากแอ็กชันของเว็บหนัง HD มันจะดูแผ่วลงเมื่อหนังเข้าสู่โหมดอัดอดรีนาลีน ตรงกันข้ามมันกลับใช้ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดขององก์แรกมาทำให้เราเอาใจช่วยมอว์ดได้แบบเต็มสูบ จนเราพร้อมใจที่จะเชียร์ให้นางปีนป่ายเกาะเครื่องบินแบบสไปเดอร์แมนยังอาย
ในช่วงองก์ 2 ได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจสักนิดแถมยังพอจะมองข้ามซีจีค้างคาวกินกล้วยที่ดูโบราณ ๆ ไปได้ เหมือนโดนมนต์บังตาด้วยความสนุกที่หนังอัดมาตลอดเรื่อง
ด้าน โคลอี เกรซ มอเรตซ์ ก็ต้องขอชื่นชมว่าเธอฉลาดแล้วที่เลือกโพรเจกต์นี้ในการสลัดภาพสาวไฮสคูลให้พ้นจากตัวเธอเสียที ที่สำคัญคือมันยังสามารถเชื่อมต่อกับบท “จิ๋วจี๊ด” หรือ Hit Girl จาก Kick Ass ได้เนียนสนิท
และอาจจะทำได้ดียิ่งกว่าด้วยซ้ำที่สำคัญมันยังช่วยเปิดเผยมัดกล้ามสวย ๆ ของเธอให้กลายเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นขึ้นไปได้อีก จนเชื่อได้ว่ามอว์ดจะกลายเป็นบทที่น่าจดจำสำหรับเธออีกบทหนึ่งได้ดีเลยทีเดียว
จุดด้อย
กระนั้นหนังเองก็ยังมีช่องโหว่เรื่องบทอยู่บ้างโดยเฉพาะบทตัวละครผู้ชายที่แทบไม่มีมิติอะไรเลยนอกจากพวกชอบดูถูกผู้หญิง หรือผู้ชายที่ดูไร้เดียงสาเหลือเกินจนไม่มีใครน่าจดจำสักนิด และอีกประเด็นหนึ่งคือความเก่งเกินคน
โม้เกินพิกัดประเภทตกเครื่องบินแล้วเด้งกลับมาเพราะแรงระเบิดของเครื่องบินข้าศึกก็ยิ่งทำให้ดูแฟนตาซีจนแทบไม่เหลือความสมจริงอะไรอีกแล้วในเรื่องราว ซึ่งอาจระคายเคืองคนที่เคร่งกับตรรกะในหนังได้ครับ
โดยรวม
โดยรวมคิดว่าตัวหนังผูกปมเรื่องได้น่าสนใจ บทละครทำได้ดี มีความต่อเนื่อง ดูแล้วเกิดคำถามหรือข้อสงสัยในใจน้อยมาก จุดตื่นเต้นที่ชอบมาก เป็นซีนหลังจากที่มาร์เก็ตได้กลับมาพบกับเพื่อนร่วมเดินทางในช่วงกลางเกือบท้ายเรื่อง ที่เธอเกือบหมดโอกาสนำส่งพัสดุแล้ว
ซีนนี้ทำได้ดีมาก โมเมนต์นั้นดูแล้ว ว้าวเลย ว้าวว่าคิดได้ไง แถมยังทำออกมาสมจริงอีก ฉากมีความสมจริงดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนเครื่องบินรบที่กำลังอยู่บนท้องฟ้าจริง ๆ ฉากบู๊ฉากต่อสู้กับอสูรก็สมจริง มันส์มาก ลุ้นระทึกตลอด
สรุป
มันเป็นหนังที่ชวนระทึก คนดูจะรู้สึกตื่นเต้นลุ้นเต็มที่เอาใจช่วยนางเอกให้รอด แต่ไม่เชิงเป็นแอคชันจ๋ามากนัก เพราะหนังแบ่งพื้นที่ให้กับเรื่องการเหยียดเพศบวกกับการตอกกลับหน้าหงาย ผสมกับบทแบบ ‘อิหยังวะ’ ที่จัดเต็มมาเพื่อความบันเทิงล้วนๆ นางเอกจะเก่งเวอร์แต่คนดูจะเอาใจช่วยสุดฤทธิ์
หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับหญิงคนเก่ง โรแซนน์ เลียง ชาวนิวซีแลนด์ ดูแล้วรู้สึกว่าหนังออกเฟมินิสต์หน่อย ๆ ต้องการสื่อถึงความเป็นผู้หญิง ว่าจริง ๆ แล้วผู้หญิงก็มีความสามารถทัดเทียมกับผู้ชายและพิเศษตรงที่มีบทบาทความเป็นแม่เพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งก็สื่อออกมาได้ชัดเจนอยู่นะ
Comments