รีวิว Rim of the World - ผ่าพิภพสุดขอบโลก
หลังๆ หนังแนวผจญภัยย้อนยุคด้วยตัวละครเด็กกำลังมาแรง ซึ่งเกิดมาจากความสำเร็จมหาศาลของซีรีส์ Stranger Things ของ Netflix เป็นตัวจุดประกาย และสร้างแนวทางสัญลักษณ์ต่างๆ ไว้ให้หนังผจญภัยวัยเด็กเรื่องต่อๆ มาได้ลอกเลียนไปใช้ อย่าง การรวมแก๊งปั่นจักรยานผจญภัย ความรักใสๆ ในวัยเด็ก แบบนี้เป็นต้น ซึ่งเรื่องผ่าพิภพสุดขอบโลกนี้ก็แทบจะโคลนนิ่ง Stranger Things มาทั้งดุ้นเลยทีเดียว รีวิว Rim of the World
เรื่องย่อ
“Alex” เด็กชายที่กำลังจะต้องไปเข้าค่ายฤดูร้อนที่มีชื่อว่า “RIM OF THE WORLD“ ด้วยคำขอของแม่ที่อยากจะให้ Alex นั้นมีเพื่อนใหม่และออกไปสู่โลกภายนอกบ้าง เพราะใคร ๆ ก็มองว่า Alex นั้นเป็น “เด็กเนิร์ด” ที่บ้าและคลั่งไคล้ในวิทยาศาสตร์ เมื่อ Alex เดินทางมาถึงที่ค่ายก็ได้เจอกับเพื่อนใหม่ ๆ ที่มากหน้าหลายตา
แต่ทว่า Alex ได้เจอและสนิทกับเพื่อนใหม่ของเขาทั้ง 3 คน ด้วยเหตุบังเอิญที่ว่า “ค่ายของเขานั้นถูกเอเลี่ยนบุกโลก” ผนวกกับบนท้องฟ้าที่มียานอวกาศพุ่งตกลงมาสู่พื้นโลกพร้อมกับนักวิทยาศาสตร์ที่หนีตายลงมา ซึ่งเขาต้องสละชีวิตของเขาให้แก่เอเลี่ยน เพื่อให้เด็กทั้ง 4 คนนั้น นำกุญแจที่จะสามารถยุติสงครามครั้งนี้ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ได้!
หนังเรื่องนี้เป็น Original Netflix ก็แน่นอนว่าออกทุนสร้างโดยเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งดูแล้วเหมือนเน็ตฟลิกซ์ต้องการทดลองถอดสูตรสำเร็จ Stranger Things ของตัวเองจากซีรีส์มาเป็นหนัง โดยการเปลี่ยนเรื่องเล่าจากหนังเด็กผจญภัยในมิติสยองขวัญ กลายเป็นหนังแอ็กชั่นเอเลี่ยนบุกโลกแบบมินิ ID4 แทน ซึ่งก็ไม่เคยมีแนวนี้มาก่อนเหมือนกัน (เท่าที่ผู้เขียนนึกออกนะครับ) ดูจากเทรลเลอร์ก็น่าติดตามมาก เหมือนส่วนผสมแปลกใหม่ที่ลงตัว
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของกลุ่มเด็กทั้ง 4 คนที่ใช้ชีวิตแบบต่างกันอย่างสุดขั้วอย่าง “อเล็กซ์” (รับบทโดย แจ็ก กอร์) เด็กเนิร์ด ที่ชอบเก็บตัว, “กาเบรียล” (รับบทโดย อเลสซิโอ สกาลซอตโต) เด็กมีปัญหาที่หลบหนีจากสถานพินิจ, “ดาริอุส” (รับบทโดย เบนจามิน ฟลอเรส จูเนียร์) เด็กผิวสีที่เหมือนเป็นตัวตลกของทุกๆคน และ “เซิน เซิน” (รับบทโดย ไมยา เช็ค) เด็กกำพร้าผู้หญิงเชื้อสายจีน โดยพวกเขาได้มารวมตัวกันที่แคมป์กลางป่าด้วยความบังเอิญ
ในขณะเดียวกันนั้นพวกเขากลับถูกทิ้งไว้ที่แคมป์ เพราะว่ามีพวกเอเลี่ยนมาบุกโลกที่พวกเขาอยู่ โดยเอเลี่ยนพวกนี้มีความสามารถในการตัดขาดการเชื่อมต่อของอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคได้ทั้งหมด นั่นทำให้พวกเด็กๆไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากพวกผู้ใหญ่ได้
สิ่งที่พวกเขาต้องทำนั่นก็คือต้องออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเพื่อหยุดพวกเอเลี่ยนให้ได้ เรื่องราววุ่นๆจึงเริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กๆทั้ง 4 คนที่ต่างกันแบบสุดขั้วนี้ ต้องมาร่วมมือกันกอบกู้โลกให้ได้
การดำเนินเรื่อง
หนังเปิดเรื่องมาแนะนำตัวละครพอหอมปากหอมคอ ด้วยการที่เด็กตัวเอกทั้ง 4 คน จากคนละที่ นิสัยคนละแบบ มาเข้าค่ายฤดูร้อน ซึ่งทั้ง 4 คนก็เหมือนถอดสูตรคาแร็กเตอร์หนังใหม่เต็มเรื่องจาก Stranger Things มาเลย เริ่มที่ตัวเอกหลักต้องเนิร์ด รอบรู้เรื่องต่างๆ แต่ขาดการเข้าสังคมจริง (อเล็กซ์) ผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มก็เป็นสาวกล้า บู๊ มั่นใจในตัวเอง
ซึ่งในเรื่องนี้วางให้เป็นเด็กสาวชาวจีนชื่อ “เซินเซิน” มีตัวตลกประจำกลุ่มเป็นเด็กอ้วนผิวสีชื่อ “แดริอุส” และก็หนุ่มน้อยที่โตกว่าใครเพื่อนสักหน่อย นิสัยห้าวๆ ลุยๆ ชื่อ “เกเบรียล” โดยทั้ง 4 คนกลายเป็นกลุ่มเด็กที่มีกุญแจสำคัญ (ซึ่งเป็นกุญแจจริงๆ ด้วย) ที่จะช่วยให้พลิกชนะเอเลี่ยนที่มาบุกโลกได้
หนังเดินเรื่องด้วยการที่เอเลี่ยนบุกมาแบบไม่ต้องมีที่มาที่ไปจากนอกโลก แล้วก็บุกทั่วโลกพร้อมกัน ซึ่งดูแล้วไม่มีทางชนะได้เลยเพราะวิทยาการของเลี่ยนก็ล้ำกว่าโลกมาก (ตามสูตร) ซึ่งช่วงแรกหนังทำออกมาได้ระทึกน่าติดตามมาก
เพราะเป็นฉากไล่ล่าของเอเลี่ยนกับเด็กทั้ง 4 ที่ความโหดของเอเลี่ยนก็ไม่ปราณีเลย มีฉากฆ่าคนสดๆ แม้จะไม่เห็นเลือดสาด แต่ก็สยองขวัญพอตัว แถมการไล่ล่านี้ยังต่อเนื่องไม่หยุด เนื่องจากเอเลี่ยนมีพลังการฟื้นคืนสภาพเซลล์ในร่างกาย
แล้วก็ล็อคเป้าหมายหัวเด็กทั้ง 4 ตามล่าเหมือนหุ่นเหล็กเทอมิเนเตอร์ยังไงอย่างนั้นเลย (ผู้กำกับเรื่องนี้ทำคนเหล็กภาค Terminator Salvation มาก่อนด้วย) หนังช่วงแรกดูมีแอ็กชั่นไล่ล่าโหดๆ แต่สนุกน่าติดตามมาก แต่แล้วไม่รู้ทำอีท่าไหน พอเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ความสนุก แอ็กชั่นลุ้นๆ แบบตอนแรก ก็ค่อยๆ ลดระดับลงจนกลายเป็นหนังเด็กสุดๆ ผิดฟีลตอนต้นไปเลย
นอกจากปัญหาเผชิญกับเอเลี่ยนแล้ว หนังยังพยายามยัดปมปัญหาส่วนตัวให้ทุกตัวละคร แล้วก็ใช้การผจญภัยแต่ละช่วง มีภารกิจให้แต่ละคนได้เป็นผู้กล้าเผชิญหน้าพร้อมกับแก้ไขปมส่วนตัวที่คั่งค้างไว้ ซึ่งดูก็เหมือนจะดี แต่ด้วยความที่เวลาในหนังสั้นมากแค่ 1 ชั่วโมง 39 นาที ทำให้การยัดปมมาแล้วพยายามเคลียร์ปมต่างๆ ดูลวกๆ ไปหมด
แม้แต่การให้เด็กปิ๊งพบรักกันก็ดูง่ายดาย ไม่เข้ากับเหตุการณ์ที่กำลังชี้เป็นชี้ตายโลกมนุษย์เลย สุดท้ายก็ไม่อินแต่อย่างใดในสักเรื่องที่หนังพยายามใส่เข้ามา เชื่อว่าถ้าเรื่องนี้ไปขยายเป็นซีรีส์เว็บหนัง HDน่าจะทำได้ดีกว่านี้ และก็มีโอกาสเป็นซีรีส์คู่ขนาน Stranger Things อีกเรื่องเลยก็ได้
แม้การเดินเรื่องจะดูง่ายๆ ไม่เมคเซนส์มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยังเป็นหนังที่ดูเพลินสนุกได้อยู่ก็คือ ความน่ารักของเด็กๆ แต่ละคนที่แสดงได้ดี มีความน่าเอ็นดู กวนๆ ครบเครื่อง รวมถึงการให้เด็กกลุ่มนี้ได้เล่นมุกตลกคำคมที่หยิบมาจากหนังเรื่องอื่นๆ แบบที่คนดูหนังมาเยอะๆ หน่อยน่าจะตามทัน อย่างมุกหมาตัวเดียวของจอนห์วิค มุกเอเลี่ยนวางไข่ในร่างคน มีแอบหยอดมาตลอดเรื่องดูขำเล็กๆ ดีครับ
ด้านคุณภาพหนัง
เอฟเฟ็กต์ในเรื่องแม้ดูหลอกๆ อย่างพวกยานต่างดาว แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมาก ส่วนตัวเอเลี่ยนที่ตั้งใจให้โหดทั้งแหวะ ก็ดูโอเคดีกว่าหนังเกรดบีทั่วไปเยอะ ให้ราวๆ B+ ละกันถ้าประเมิณ แต่ข้อเสียคือ ทั้งเรื่องมีแค่ตัวเดียว กับหมาเอเลี่ยน 2 ตัว ดูสเกลระดับ ID4 แต่มีเอเลี่ยนให้เห็นแค่กระจิ๊ดริด แถมไม่มีเหตุผลอธิบายอะไรไว้ในเรื่องเลยว่ามาบุกโลกทำไมด้วย (แต่ก็แอบมีมุกจิกกัดหนังเอเลี่ยนบุกโลกเรื่องอื่นไปด้วย)
โดยรวม
หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังระทึกขวัญจากการพจญภัยเพื่อหลีกหนีจากเอเลี่ยน ซึ่งต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้สามารถทำออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว มีการเล่าเรื่องได้อย่างสนุกและน่าติดตามต่อมากๆ อีกทั้งฉากเอเลี่ยนบุกยังสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี มีความโหด ความตายยากที่อยู่ในตัวเอเลี่ยน
เรียกได้ว่าเรื่องนี้เราดูแล้วมีความลุ้นตามไปกับตัวละครเด็กทุกตัวเลย ตัวละครเด็กที่แสดงออกมาก็มีความน่ารัก ความน่าเอ็นดูมากๆ คือหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีเนื้อเรื่องอะไรมากมายให้เราได้ติดตามกัน การกระทำต่างๆอาจจะไม่ค่อยมีเหตุมีผลสักเท่าไร
แต่มันก็สามารถดึงดูดให้เราอยู่ดูจนจบเรื่องได้โดยที่ไม่เบื่อเลย อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกเลยนะ…หนังเรื่องนี้ภาพสวย แบบว่าสวยมากๆเลย คือถ้าโทรทัศน์ใครที่สามารถดู 4K ได้ เราแนะนำให้ดูเลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
สรุป
ก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ดีมาก แต่ถ้าเด็กเล็กๆ ดูเลยน่าจะชอบพอตัว เพราะตรงกลุ่มเป้าหมายกว่าครับ หนังเหมาะกับดูฆ่าเวลาสั้นๆ เพราะหนังสั้นจริงๆ และก็ไม่ยืดเย้อเลย หนังไปไวเร่งให้จบแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีหักมุมอะไรๆ ก็ชิลๆ ไปหมดครับ
Comments