top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนCharcoal Original

Mortal Kombat


ดูหนังฟรี

รีวิว Mortal Kombat - มอร์ทัล คอมแบท 2021

เกม ‘Mortal Kombat’ เป็นเกมคอมพิวเตอร์แนวต่อสู้ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความรุนแรง และถูกเพ่งเล็งในวาระที่เกิดคดีก่อความรุนแรงจากเยาวชนที่เล่นเกมมาเสมอ (เคียงคู่กับเกม GTA) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงผู้ปกครองรุ่นเก่าจะไม่ชื่นชอบมันอย่างไร ทว่าตัวเกมนี้ก็ได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ภาคแรกออกในปี 1992 จนปัจจุบันก็ออกมาถึง 11 ภาคเข้าไปแล้ว รีวิว Mortal Kombat


เรื่องย่อ


โคล ยัง นักสู้บนสังเวียน MMA ผู้คุ้นเคยกับการต่อสู้เพื่อแลกกับเงิน เขาไม่รู้เลยว่าเขาได้สืบทอดมรดกแสนล้ำค่าบางอย่างมา ในขณะเดียวกันนั้น ชาง ซุง จักรพรรดิแห่ง Outworld ก็ได้ส่งนักรบที่เก่งกาจที่สุดของเขาอย่าง ซับ-ซีโร มาเพื่อตามล่าโคล จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โคลต้องเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรูผู้มาจาก Outworld ในการต่อสู้ที่มีเดิมพันสูงที่สุดในจักรวาล


 

เกม ‘Mortal Kombat’ เป็นเกมคอมพิวเตอร์แนวต่อสู้ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความรุนแรง และถูกเพ่งเล็งในวาระที่เกิดคดีก่อความรุนแรงจากเยาวชนที่เล่นเกมมาเสมอ (เคียงคู่กับเกม GTA) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงผู้ปกครองรุ่นเก่าจะไม่ชื่นชอบมันอย่างไร ทว่าตัวเกมนี้ก็ได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ภาคแรกออกในปี 1992 จนปัจจุบันก็ออกมาถึง 11 ภาคเข้าไปแล้ว


สำหรับคอหนังน่าจะจำได้จากการที่มันเคยทำมาเป็นหนังคนแสดงในปี 1995 ในชื่อ Mortal Kombat เป็นงานกำกับเรื่องแรก ๆ ของผู้กำกับ ‘Resident Evil’ (2002) อย่าง พอล ดับเบิลยู.เอส. แอนเดอร์สัน (Paul W.S. Anderson)


โดยที่น่าจะติดตาชาวไทยคงเป็นฉากหลังของหนังที่มาถ่ายทำในไทยแทบทั้งเรื่อง ส่วนตัวยังจำดราม่าเรื่องชาวบ้านร้องเข้าตรวจสอบกองถ่ายทำลายโบราณสถานได้อยู่เลย (แน่นอนว่าเป็นเพียงฉากที่ทำจำลองของจริงจนแยกไม่ออก)


ซึ่งในฉบับหนังก็ยังคงดึงเสน่ห์แบบหนังบู๊มาเชียลอาร์ตยุค ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ (Jean-Claude Van Damme) อย่าง ‘Kickboxer’ ปี 1989 (ซึ่งถ่ายในไทยด้วย) ออกมาได้อย่างสมจริงสมจัง บวกพลังเหนือมนุษย์แบบแฟนตาซีที่ทำให้หนังยิ่งดูสนุกขึ้น


แต่หลังจาก ‘Mortal Kombat: Annihilation’ ภาคต่อในปี 1997 ที่เป็นผลงานเรื่องแรกของผู้กำกับ จอห์น อาร์. ลีโอเน็ตติ (John R. Leonetti) จากหนัง Annabelle (2014) หนังตระกูลต่อสู้ชุดนี้ก็เงียบหายไป โดยเสียงร่ำร้องที่สำคัญมาก ๆ คือควรมีหนังที่รุนแรงได้เรตสูง ๆ ให้สมกับความโหดของเกมได้แล้ว


การมาของ Mortal Kombat (2021) จึงมีโจทย์สำคัญที่ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของหนังอย่าง ไซมอน แมกควอยด์ (Simon McQuoid) ผู้กำกับหนังโฆษณาชาวออสเตรเลีย และชิมลางมากำกับหนังเรื่องแรก ต้องแบกรับความคาดหวังมหาศาลไปเต็ม ๆ และส่วนตัวก็ไม่ได้คาดหวังกับเนื้อเรื่องใด ๆ มากนัก ขอแค่ฉากต่อสู้สนุก ๆ มัน ๆ เท่านั้นก็พร้อมเทคะแนนให้แน่นอน


เนื้อเรื่องในภาคนี้


ต้นฉบับของ Mortal Kombat นั้น แม้จะเป็นเกมต่อสู้ แต่ก็มีเนื้อเรื่องของมันอยู่ด้วย ซึ่งฉบับหนังปี 2021 นี้ ได้หยิบเอาเนื้อเรื่องของเกม 2 ภาคแรกมาดัดแปลงผสมกัน และเพื่อที่จะทำให้หนังสามารถเล่าเรื่องได้ง่ายขึ้น หนังจึงสร้างตัวละครต้นฉบับสำหรับเวอร์ชั่นหนังขึ้นมา นั่นคือ Cole Young ซึ่งเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาในเวอร์ชั่นหนังโดยเฉพาะ


การมีตัวละครเฉพาะขึ้นมา ทำให้หนังสามารถเดินเรื่องได้ง่ายขึ้น ภาพรวมของเนื้อเรื่องยังคงว่าด้วยโลกต่าง ๆ ที่อิงมาจากในเกม ในหนังภาคแรกนี้จะเน้นหนักไปที่ Earth Realm ของพวกมนุษย์ที่มี Lord Raiden ในการเฟ้นหายอดนักสู้เพื่อเตรียมตัวปะทะกับพวกจาก Outworld ที่นำโดยพ่อมด Shang Tsung ในศึกการประลองยุทธ์ ที่หากรอบนี้ตัวแทนจากฝ่าย Earth Realm พ่ายแพ้อีก โลกก็อาจถูกยึดครองได้


นอกจาก Cole Young ที่เป็นตัวละครออริจินอลบนภาพยนตร์แล้ว ตัวละครอื่น ๆ ใน Mortal Kombat ที่แฟน ๆ คุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็มากันครบ ไม่ว่าจะเป็น Sub-Zero (ที่ในเวอร์ชั่นนี้คือ Bi-Han), Scorpion, Sonya Blade, Jax Briggs, Shang Tsung, Mileena และตัวละครอื่น ๆ อีกมาก


และตัวละครที่มาช่วยสร้างสีสันให้มากที่สุดในหนัง น่าจะหนีไม่พ้น Kano ที่บอกได้ว่า เป็นตัวละครแบกหนังเรื่องนี้ในส่วนของการฉากพูดคุยเลยก็ว่าได้ เชื่อว่าแฟน ๆ หลายคนจะชอบ Kano เวอร์ชั่นหนังนี้แน่นอน


ในขณะที่ตัวละครอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ดูแห้งแล้ง จืดชืดจนเกินไป แต่ก็มีอยู่หลายฉากที่ดูหนังฟรี มันพยายามจะให้เหมือนเกมมากเกินไปจนดูผิดธรรมชาติของภาพยนตร์ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นรับไม่ได้


เมื่อสร้างตัวละครใหม่ขึ้นมาทำให้ดำเนินเรื่องง่ายขึ้น ผสมผสานเข้ากับเนื้อหาของเกมต้นฉบับ ทำให้ Mortal Kombat ฉบับภาพยนตร์ปี 2021 มีมุมมองการนำเสนอที่ดีมากขึ้น และกลายเป็นจุดผสมผสานที่ลงตัว ทำให้แฟนเกมและแฟนหนังสามารถเอ็นจอยไปกับหนังได้ทั้งสองฝ่าย


การดำเนินเรื่อง


จะเล่าเรื่องไปที่ Cole Young นักสู้บนสังเวียน MMA ผู้คุ้นเคยกับการต่อสู้เพื่อแลกกับเงิน เขาไม่รู้เลยว่าเขาได้สืบทอดมรดกแสนล้ำค่าบางอย่างมา ในขณะเดียวกันนั้น Shang Tsung จักรพรรดิแห่ง Outworld ก็ได้ส่งนักรบที่เก่งกาจที่สุดของเขาอย่าง Sub-Zero


หรือรู้จักกันในอีกนามว่า Cryomancer มาเพื่อตามล่า Cole จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ Cole กังวลในความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงได้ออกตามหา Sonya Blade ตามคำแนะนำของ Jax ผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยรบพิเศษ ผู้ที่มีรอยสักรูปมังกรแบบเดียวกับที่เขามีตั้งแต่เกิด


เขาได้เดินทางไปถึงวิหารของ Lord Raiden เทพเจ้าโบราณ ผู้ปกปักษ์รักษา Earthrealm ผู้ที่จะมอบสถานที่ลี้ภัยให้กับเหล่าคนที่มีสัญลักษณ์มังกร ที่นี่ Cole ได้รับการฝึกฝนจาก Liu Kang, Kung Lao และ Kano เหล่านักสู้ผู้มากประสบการณ์ เขา และเหล่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก


ได้เตรียมพร้อมเพื่อที่จะรับมือกับศัตรูผู้มาจาก Outworld ในการต่อสู้ที่มีเดิมพันสูงที่สุดในจักรวาล แต่ Cole จะฝึกฝนมากพอเพื่อที่จะปลดล็อคพลัง Arcana พลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในวิญญาณของเขา แล้วนำมาใช้เพื่อปกป้องครอบครัว และหยุดยั้งเหล่าผู้รุกรานจาก Outworld ได้หรือไม่?


ด้านฉากแอ็คชั่น


สำหรับคอเกมที่เป็นแฟนเกม Mortal Kombat ย่อมต้องรู้ว่าจุดเด่นของของซีรีส์เกมนี้คือ ความรุนแรงแบบจัดเต็ม ในทุกท่วงท่าการต่อสู้ มีการสังหารศัตรูด้วยท่าสังหารสุดโหด


ซึ่งผู้กำกับอย่าง Simon McQuoid เอง ก็รับรู้ว่าแฟนเกมคาดหวังตรงจุดนี้ จึงรังสรรฉากแอ็คชั่นที่ดุดัน และรุนแรงควบคู่กันขึ้นมา พร้อมกันนั้นยังใส่ความเป็นวิดีโอเกมลงไปในจังหวะที่เหมาะสม เช่นคำพูดติดปากของเหล่าตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น Flawless Victory / Finish Him


และคำพูดอื่น ๆ ประจำตัวละคร ล้วนถูกหยิบมาใส่ไว้ในหนัง แม้บางจังหวะอาจจะทำให้มันดูหลุดจากความเป็นจริงไปอยู่บ้าง แต่สำหรับแฟนเกมแล้ว นี่คือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ Mortal Kombat


และนักแสดงที่ถูกแคสท์มาเล่นหนังเรื่องนี้ ล้วนผ่านประสบการณ์แสดงหนังแอ็คชั่นมาแล้วอย่างโชกโชน เช่น Joe Taslim ผู้ผ่านผลงานแอ็คชั่นสุดโหดอย่าง The Raid ทั้งสองภาค มารับบท Sub-Zero หรือ Hiroyuki Sanada ผู้รับบท Hanzo Hasashi หรือสกอร์เปี้ยนก็เคยผ่านผลงานหนังแอ็คชั่นมามากมาย นอกจากคาแรคเตอร์จะเหมาะสมกับตัวละครแล้ว เรื่องลีลาคิวบู๊นั้น หนังเรื่องนี้ไม่เป็นสองรองใครแน่ ๆ


จากข้อมูลก่อนหน้าที่ Simon McQuoid เคยบอกว่า หนังได้ใส่ความรุนแรงเข้าไปแบบถึงที่สุดแล้ว ถ้ามากกว่านี้ อาจโดนแบนหรือถูกห้ามฉายในบางประเทศ ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนั้น ยังรู้สึกว่าบางฉากมันยังไปไม่สุดสักเท่าไร มันยังสามารถจัดเต็มได้มากกว่านี้ รุนแรงได้มากกว่านี้


แต่เท่าที่หนังออนไลน์ใส่มาก็ถือว่ามากพอ และพอดีแล้ว เพราะถ้ามากกว่านี้ อาจถูกแบนหรือห้ามฉายในบางประเทศจริง ๆ ซึ่งในฐานะค่ายหนัง การถูกห้ามฉายแม้แต่ประเทศเดียวก็อาจหมายถึงรายได้ที่หายไปหลายล้านแน่นอน ดังนั้นคาดว่า เท่าที่หนังเรื่องนี้ใส่มา จึงเป็นฉากแอ็คชั่นที่รุนแรง เลือดสาด สมใจแฟนเกมแล้ว

รีวิว Mortal Kombat

จุดด้อย


ถ้ามองแบบเป็นกลางที่สุด Mortal Kombat ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นบู๊แหลกเรื่องแรกที่มีปัญหาในการดำเนินเรื่อง เพราะทุกเรื่องแม้แต่หนังซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายก็อาจจะประสบปัญหานี้ได้ เพียงแต่ของ Mortal Kombat จะชัดว่าเรื่องอื่น ๆ แต่เพราะการที่ตัวหนังเอง


ก็สร้างจากเกมที่หาความเมคเซนส์ไม่ได้อยู่แล้ว หลายคนจึงเลือกที่จะปิดหูปิดตาไปตรงส่วนนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน และไม่ได้ทำให้อรรถรสของหนังลดน้อยลง เพราะยังไงจุดขายมันก็คือฉากแอ็คชั่นอันรุนแรงอยู่แล้ว


แต่สำหรับคอหนังทั่วไป อาจจะรู้สึกว่าหลาย ๆ อย่างของหนังมันไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล แถมยัง “ง่าย” จนเกินไป ในหลาย ๆ ฉาก เราอาจจะเผลอคิดในใจว่า ทำไมไม่เป็นแบบนี้ ทำไมไม่เป็นแบบนั้น หรือ แบบนี้ก็ได้เหรอ อยู่ตลอดทั้งเรื่อง


แต่ท้ายที่สุด เมื่อหนังดำเนินเรื่องถึงฉากแอ็คชั่น มันก็สามารถเอาคนดูได้อยู๋หมัด ด้วยฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือด ถึงใจทั้งแฟนหนังและแฟนเกม และเพียงพอที่จะทดแทนบาดแผลของการดำเนินเรื่องได้


โดยรวม


โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องในภาคนี้ ยังคงดูง่ายเป็นการต่อสู้ของเหล่าผู้เข้าร่วมสังเวียน Mortal Kombat ชนิดที่ว่า เกริ่นเนื้อเรื่องมาให้พอรู้ว่า การต่อสู้นี้สำหรับคนที่ถูกเลือกเท่านั้น... พอจบพาทนี้ปุ๊ป เข้าสู่ฉากต่อสู้ แอคชั่นกันแทบทั้งเรื่อง


ซึ่งทำให้พาทของเนื้อเรื่องนั้นดูด้วย แต่ก็ได้มากับฉากแอคชั่นมันส์ๆทั้งเรื่องแทน แถมด้วยฉากตลกๆของตัวละคร แทรกส่วนน่าเบื่อของตัวหนัง บันเทิงไปอีก คาโน่! (แอบเสียดาย ถ้าเกิดเข้มข้นนะ เรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังแอคชั่นดีๆของต้นปี 2021 นี้ล่ะ)


สรุป


คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเกมอีกเรื่องที่สามารถหาจุดลงตัวระหว่างแฟนเกมและแฟนหนังได้ดี คิวบู๊ดุเดือด สะใจ และแฟนเกม Mortal Kombat ที่หวังจะเห็นความรุนแรง รับรองว่าเต็มอิ่มสมใจแน่นอน

และแม้จะมีจุดให้ติงด้วยความเสียดายมากมาย ทว่าก็ยอมรับว่าหนังมีจุดดีจุดแข็งที่เพียงพอให้ไปรับชมอยู่ดีนั่นเอง ไม่ดีมากแต่ภาพสวย มุกฮามี แอ็กชันก็เยอะดี เรียกว่าเพลินใช้ได้เลย

ดู 112 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

The Nun

bottom of page