top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนCharcoal Original

Mortal Engines


ดูหนังฟรี

รีวิว Mortal Engines - สมรภูมิล่าเมือง จักรกลมรณะ

หนังที่ถูกดัดแปลงมาจากนิยายโดยเป็นฝีมือของ Peter Jackson ที่เคยฝากผลงานสุดตระการตามามากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Lord of the Rings หรือ Hobbit และส่งต่องานกำกับให้ Christian Rivers ทีมงานคนสนิทที่ทำฝ่าย Art ในหนังใหญ่กับเขามาโดยตลอด และด้วยเหตุนั้นก็ทำให้แฟนๆ ต่างมีหวังและเรื่องนี้ก็ดูมีแววจะปังขึ้นมาในทันที รีวิว Mortal Engines


เรื่องย่อ


หญิงสาวคนหนึ่งและเพื่อนขบถร่วมอุดมการณ์ต้องหาทางหยุดยั้ง "ลอนดอน" เมืองยักษ์เคลื่อนที่ที่ไล่เขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้าในโลกยุคหลังโลกาวินาศ


 

เป็นอีกเรื่องที่ดัดแปลงมาจากนิยายเยาวชน ในยุคที่หนังจากนิยายกลุ่มนี้เริ่มเสื่อมความนิยม หลาย ๆ เรื่องก็หยุดอยู่แค่ภาคแรก และบางเรื่องก็ไม่สามารถสานต่อจนจบได้อย่าง Divergent แต่กระนั้นอภิมหาผู้กำกับปีเตอร์ แจ็คสัน ก็ยังคิดว่า Mortal Engines มีศักยภาพ


พอที่จะสานต่อเป็นมหากาพย์เรื่องยาวได้อย่างที่เขาเคยทำสำเร็จมาแล้วกับ The Lord Of The Rings และ The Hobbit แล้วปีเตอร์ ก็ซื้อลิขสิทธิ์ในการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาจาก ฟิลลิป รีฟส์ เจ้าของเรื่องตั้งแต่ปี 2008 ใช้เวลาถึง 10 ปีในการดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายมาเป็นบทภาพยนตร์


และมอบหมายหน้าที่กำกับให้กับคริสเตียน ริเวอร์ หัวหน้าทีมออกแบบงานสร้างที่ทำงานคู่กับเขามาแทบทุกเรื่อง ส่วนปีเตอร์ นั้นนั่งคุมในตำแหน่งอำนวยการสร้างและเขียนบทร่วม


เนื้อเรื่อง


หลายพันปีหลังจากที่อารยธรรมถูกทำลายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกลียุค มนุษย์ได้ปรับตัวและได้พัฒนาวิถีชีวิตใหม่ขึ้น ขณะนี้ เมืองเคลื่อนที่ขนาดใหญ่กำลังตระเวณท่องโลก และไล่ล่าเมืองที่เล็กกว่า ทอม นัทส์เวิร์ธธี (โรเบิร์ต ชีแฮน) ชายหนุ่มซึ่งมาจากระดับล่างของเมืองเคลื่อนที่ของลอนดอน


เขาพบว่าตัวเองกำลังต่อสู้เพื่ออยู่รอด หลังจากที่ได้เผชิญกับผู้ลี้ภัยสุดอันตราย เฮสเตอร์ ชอว์ (เฮรา ฮิลมาร์) ทั้งสองคนอยู่ต่างขั้วกัน มากันคนละเส้นทาง แต่กลายมาเป็นพันธมิตรกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ และมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนอนาคต Mortal Engines กำกับโดย คริสเตียน ริเวอร์ส


ซึ่งเคยได้รับรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคภาพยอดเยี่ยมจาก King Kong โดยร่วมงานกับผู้สร้างรางวัลออสการ์อย่าง ปีเตอร์ แจ็คสัน, ฟราน วอลช์ และ ฟิลิปปา โบเยน ซึ่งร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ภาพยนตร์ดัดแปลงจากหนังสือซีรีย์ดังของฟิลิป รีฟ ในปี 2001


การดำเนินเรื่อง


ด้วยความที่เป็นหนังภาคแรก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูหนังฟรี ปรากฏบนจอล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ ชวนตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นลอนดอนเมืองเคลื่อนที่ยักษ์ และฐานทัพของหน่วยต่อต้านกลางอากาศ หุ่นยนต์ และบรรดาคาแรกเตอร์ที่มาพร้อมชุดและภาพลักษณ์ที่แปลกตา


ทุก ๆ ส่วนดูพิถีพิถันมีรายละเอียดที่ยิบย่อยในทุกกระเบียดนิ้ว สมศักดิ์ศรีของคริสเตียน ริเวอร์ ในฐานะผู้กำกับมือใหม่แต่เป็นขาเก๋าจากสายงานโปรดัคชั่นดีไซน์ ตลอดเรื่องหนังพาคนดูไปทัวร์แทบจะทุกส่วนของลอนดอน


ได้เห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่อย่างคร่าว ๆ ของชาวเมืองลอนดอนทั้งระดับผู้ดีมีอันจะกินและระดับแรงงาน ด้านภายนอกก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามของเมืองใหญ่นี้ อีกส่วนที่ออกแบบมาได้น่าสนใจมากก็คือ ฐานทัพลอยฟ้า ที่ลอยตัวอยู่ได้ด้วยบอลลูนใหญ่


ส่วนประกอบทั้งหมดไม่ว่า ท่าจอดเครื่องบิน ทางเดิน ที่พักอาศัย ก็ล้วนเป็นไม้แผ่นเล็กที่ดูเปราะบาง แต่ก็ดูสมจริงเพราะต้องการให้มีน้ำหนักเบาพอให้บอลลูนรับน้ำหนักได้


ตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง ก็สอดแทรกฉากแอ็คชั่นเข้ามาเนือง ๆ ตั้งแต่เปิดเรื่องก็ได้เห็นความร้ายกาจของลอนดอนที่ตามไล่ล่าเมืองเล็กที่พยายามหนีเอาชีวิตรอดแต่ก็ไม่พ้น แอนนา แฟง หัวหน้าหน่วยต่อต้านเมืองเคลื่อนที่เปิดตัวมาแบบเท่มาก เป็นอีสาวดุที่เก่งทั้งมือเปล่าและอาวุธโชว์ฟอร์มลุยเดี่ยวซัดผู้ชายได้เป็นสิบอย่างเท่มาก


ดำเนินมาถึงช่วงท้ายก็เป็นฉากรบยาว ๆ ระหว่างหน่วยต่อต้านเคลื่อนที่กับลอนดอน ฉากนี้อัดแน่น ได้ดูทั้งการต่อสู้ของตัวละครสำคัญบนภาคพื้น และการลุยถล่มลอนดอนของฝูงบินรบของหน่วยต่อต้านฯ และการโจมตีด้วยอาวุธร้ายแรงโชว์เทคนิคซีจีกันอย่างดุเดือด


และด้วยความที่เป็นหนังออนไลน์ภาคแรก จึงต้องแนะนำให้คนดูรู้จักกับตัวละครจำนวนมาก แต่บทหนังก็จำต้องเน้นหนักไปที่เฮสเตอร์ ชอว์ ที่เป็นตัวละครหลักของเรื่อง และเป็นกุญแจสำคัญของเรื่อง เพราะเรื่องเดินหน้าไปด้วยความอาฆาตแค้นของเธอ กับอดีตที่อยู่เบื้องหลังรอยแผลเป็นบนใบหน้า


และจุดนี้ก็เป็นกรณีหนึ่งที่สาวกจากฉบับนิยายไม่พอใจทีมผู้สร้างที่ปรับเปลี่ยนแผลเป็นบนหน้าเฮสเตอร์ เพราะในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ได้ลดทอนความรุนแรงของแผลเป็นลงไปมาก ในหนังสือบรรยายไว้ว่าเป็นแผลเป็นที่ถูกกรีดข้ามใบหน้าผ่านปากจมูกและตาขวา ก็เข้าใจทีมผู้สร้างนะ ถ้าสร้างหนังออกมาแล้วนางเอกหน้าเละแบบนั้นก็ขายของยากนะ


หนังลงลึกอดีตของเฮสเตอร์ ชอว์ ตั้งแต่วัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นการเฉลยที่มาของแผลเป็นและความแค้นที่เธอมีต่อแธดดีอุส วาเลนไทน์ ตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องก็ถูกแนะนำมาแบบผิวเผินหนังไม่มีเวลาพอที่จะได้ให้เรารู้จักที่มาที่ไปของแต่ละคนได้มากพอ


หนังมีตัวละครที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะ “ไชรค์” หุ่นยนต์ที่มาพร้อมภาพลักษณ์ที่น่ากลัว มีตาสีเขียวและมีเนื้อเยื่อมนุษย์บาง ๆ อยู่บนใบหน้า เหมือนหุ่นผสมซอมบี้ แล้วไชรค์ก็เป็นหุ่นที่มีความแค้นกับเฮสเตอร์ ชอว์ มันต้องการเอาชีวิตเธอ การเปิดตัวของไชรค์ เรียกได้ว่าทำให้โทนหนังดูตื่นเต้นชวนติดตามขึ้นมา


จากความน่ากลัวของไชรค์และปริศนาถึงความเกี่ยวพันระหว่างหุ่นและเด็กสาวผู้นี้ แต่หนังก็ให้คำตอบถึงข้อสงสัยนี้ในเวลาไม่นาน เช่นเดียวกับปริศนาสำคัญทั้งรอยแผลบนใบหน้า ความอาฆาตแค้นในอดีตของเฮสเตอร์


ที่มีต่อแธดดีอุส ทุกปริศนาถูกเฉลยหมดสิ้น รวมถึงตัวละครสำคัญที่ถูกสร้างสรรค์มาอย่างน่าสนใจ ก็ถูกกำจัดเสียในภาคนี้ หนังจบแบบเผยทุกปริศนา ไร้ข้อสงสัยที่ชวนให้ลุ้นรอคำตอบในภาคต่อไป

รีวิว Mortal Engines

จุดเด่น


มีความโดดเด่นในเรื่องจินตนาการของผู้เขียน โดยเฉพาะลอนดอนเมืองเคลื่อนที่ เป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดของเรื่องราว แต่หนังก็มีฉากไล่ล่าเมืองเล็กมาให้ดูเพียงแค่ฉากเดียวต้นเรื่องเท่านั้น ทั้งที่ประเด็นเมืองใหญ่ล่าเมืองเล็กก็ถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรื่องเสียด้วยซ้ำ


ในขณะเดียวกันบรรดาตัวละครหลักของเรื่อง กลับดูอ่อนด้อยในแง่ความน่าสนใจ ตัวเฮสเตอร์ ชอว์ มีปริศนาจากรอยแผลบนใบหน้าซึ่งเมื่อถูกเฉลยก็หมดสิ้นความน่าสนใจแล้ว นอกนั้นตัวเธอไม่ได้มีความพิเศษอื่นใดเลย


แต่กลับเป็นตัวแม่ของเธอแพนโดร่า ชอว์ ที่มีชื่อเสียงไปไหนก็มีคนรู้จัก ยิ่งกว่านั้นทอม แนตเวิร์ธตี้ พระเอกของเรื่อง ทั้งชีวิตไม่เคยออกจากลอนดอน ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พาเฮสเตอร์ซวยไปหลายครั้ง จนทำให้รู้สึกว่าเป็นภาระน่ารำคาญ ที่น่าจะตัดทิ้งเสียอยู่หลายครั้ง


มีดีอย่างเดียวคือขับเครื่องบินเป็น เลยได้ฉากโชว์เท่เสียหน่อยในช่วงท้ายของเรื่อง สรุปได้ว่าเป็นหนังที่ได้ความตื่นตาตื่นใจกับโลกทัศน์ที่แปลกใหม่บนจอภาพยนตร์ หลาย ๆ ฉากที่ดูสนุกก็มาจากการเขียนเพิ่มเติมลงไปในบทภาพยนตร์ ไม่มีในนิยายต้นฉบับ


ก็ยังชวนแปลกใจว่าปีเตอร์ แจ็คสันเห็นอะไรในนิยายเรื่องนี้ ถึงกับยอมควักกระเป๋าซื้อลิขสิทธิ์มาสร้าง ลำพังเส้นเรื่องต้นฉบับถ้าพ้นจากบรรดาเมืองเคลื่อนที่ แล้วหวังเสน่ห์ที่เหือดแห้งจากบรรดาตัวละครนำก็ดูเบาบางเกินไป ที่จะทำให้คนดูยอมออกจากบ้านมาดูหนังภาคต่อจากนี้


โดยรวม


การดำเนินเรื่องเหมือนจะดี แต่ค่อนข้างน่าเบื่อเลยทีเดียว ถึงแม้ภาพลักษณ์มันอาจจะดูตื่นเต้น งานสร้างดีขนาดนั้น แต่การดำเนินเรื่องยังขาดความน่าสนใจอีกมาก ที่จับต้องได้และน่าสนใจมากพอก็คือ เมืองล่าเมือง แต่นอกเหนือจากนั้นพาร์ทของเรื่องราวภูมิหลังของตัวละครต่างๆ ไม่น่าสนใจเลย ชวนง่วงด้วยซ้ำ ฉากบางฉากเข้าใจว่า “ใส่มาเอาเท่” เท่านั้นแหละ


มีบางฉากทำให้เราลุ้นอยู่ตั้งนานว่ามันจะมีไหมนะ กับฉากขับเครื่องบินรบต่อสู้ และมันก็มีจริงๆ กับฉากจะบุก London กับฝูงบินที่บุกทะลวงอย่างมันส์ ทำให้นึกถึงฉากการต่อสู้บนยานของ Star Wars อยู่กลายๆ เหมือนกัน อาจไม่ดีเท่า แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับนึงเลย


สรุป


ก็เป็นหนังที่ไม่ได้ถึงกับแย่อะไร พอดูได้ประมาณนึง ถ้าใครที่สนใจหรืออยากดูอยู่แล้วก็ลองไปชมกันได้ครับ หนังมันก็ชวนบันเทิงอยู่บ้าง งานสร้างสวยมากๆ คอนเซ็ปต์ดีแบบสุดๆ แต่ถ้าปรับปรุงบทให้ออกมาดีกว่านี้ นี่คงจะเป็นหนังอีกเรื่องที่น่าจะทำออกมาได้ยาวๆ

ดู 31 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

It Chapter Two

The Nun

Don’t Listen

Comments


bottom of page