รีวิว Memories of Murder - ฆาตกรรม ความตาย และสายฝน
หรือในชื่อไทย ‘ฆาตกรรม ความตาย และสายฝน’ ภาพยนตร์ดราม่าอาชญากรรมในปี 2003 ที่ทำให้ชื่อของ บงจุนโฮ กระฉ่อนและเป็นที่รู้จักไปทั่วเกาหลีใต้ ผลงานที่พิสูจน์ว่าชายหนุ่มในวัยอายุเพียงรุ่นราวคราวสามสิบกว่า เมื่อช่วง 17 ปีที่แล้ว มีฝีมือการกำกับเล่าเรื่องอันคมคาย ทั้งดิบเถื่อนและงดงาม อันเป็นที่ประจักษ์ว่า บงจุนโฮ นั้นมีของดีมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ก่อนพา Parasite (2019) ไปสู่เวทีโลกเสียอีก ซึ่งถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้ว นับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกปล่อยออกมาสู่สายตาชาวโลก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาพยนตร์เรื่อง Memories of Murder นี้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของ บงจุนโฮ ที่ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลาอย่างยิ่ง รีวิว Memories of Murder
เรื่องย่อ
เมื่อต้องทำคดีที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยปราศจากเทคโนโลยีทางนิติเวชที่ล้ำสมัย ตำรวจชนบทสองนายจึงต้องใช้วิธีการแบบเก่าเพื่อตามจับฆาตกรต่อเนื่องรายแรกในประวัติศาสตร์เกาหลี
สำหรับพ.ศ.นี้ชื่อ บงจุนโฮ มิได้เป็นเพียงผู้กำกับโนเนมจากเกาหลีใต้อีกต่อไป เพราะหลังจาก Parasite คว้าออสการ์ไปแบบมิชชันอิมพอสซิเบิลเมื่อต้นปี ความฮอตของนักทำหนังจากดินแดนโสม
ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าศิลปะภาพยนตร์สามารถทำลายกำแพงกั้นทางภาษา 1 นิ้วที่มาในรูปของซับไตเติลลงได้อย่างราบคาบและบ่อยครั้งที่มันถูกยกมาอ้างอิงในการพูดถึงเรื่องชนชั้นกระทั่งเปรียบเปรยความเหลื่อมล้ำอันเป็นสากลไปทั่วโลก
แต่ย้อนกลับไป 17 ปีที่แล้วชื่อของบงจุนโฮได้ถูกแนะนำให้คอหนังทั่วโลกรู้จักครั้งแรกจากผลงานการกำกับเรื่องที่ 2 อย่าง Memories of Murder ที่เขาร่วมเขียนบทและกำกับโดยมีแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เมืองฮวาซอง (Hwaseong)
ซึ่งจับผู้ต้องหาไม่ได้แม้เวลาผ่านมาตั้งแต่ปี 1986 และละครเวทีเรื่อง Come See Me ของคิมกวางริมที่ได้แรงบันดาลใจจากคดีเดียวกันที่ช่วยให้เขาวางโครงเรื่องจากข้อมูลที่รีเสิร์ชมาได้แบบไม่ลืมบุญคุณเลยทีเดียว
สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริง
ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริงอันน่าสะพรึงกลัวที่เขย่าขวัญชาวเกาหลีใต้ มาเป็นระยะเวลา 30 กว่าปี กับคดีฆาตกรรมพ่วงด้วยการข่มขืนอุกอาจซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมืองเล็ก ๆ
อย่างเมืองฮวาซอง จังหวัดคยองกี ของเกาหลีใต้ เมื่อปี 1986-1991 ที่จนแล้วจนรอด ตำรวจก็ไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ทันก่อนคดีจะหมดอายุความในปี 2006 ความเจ็บปวดรวดร้าวจากคดีนี้จึงถูกส่งต่อเป็นเรื่องราว
ผ่านผลงานซีรีส์และภาพยนตร์ดูหนังฟรีแนวสืบสวนสอบสวนของเกาหลีอยู่หลากหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งรวมไปถึงผลงานมาสเตอร์พีซของ บงจุนโฮ อย่าง ‘ฆาตกรรม ความตาย และสายฝน’ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘Memories of Murder’ เรื่องนี้ด้วย
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวมันเริ่มที่ฆาตกรรมแรกของฆาตกร เมื่อนักสืบพัค (Song Kang Ho/ซงคังโฮ จากหนังเรื่อง Parasite, Snowpiercer และ The Host) กับนักสืบโช (Kim Roe Ha จากซีรีส์เรื่อง อิลจิแม และหนัง Monster และThe Host) ต้องมาร่วมสืบคดีด้วยกัน ภายใต้การกดดันของสังคมและสื่อ ในเมื่อไม่อาจจะหาหลักฐานและพยานรู้เห็นได้ พวกเขาจึงใช้วิธีหาแพะรับบาปมารับบทเป็นฆาตกร
วิธีการช่างแสนแยบยล บีบบังคับให้ประชาชนผู้ที่ไม่น่าจะเป็นฆาตกรตัวจริง แต่สภาวะของร่างกายหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้เขาต้องเลือกจะทำตามที่ตำรวจสั่ง ถ้าไม่ทำตามก็จะต้องทำร้ายร่างกายต่างๆ นานา
ในที่สุด ก็ได้มือดีจากโซลที่เข้าอาสามาช่วยสืบคดี เขาคือนักสืบซอ (Kim Sang Kyung/คิมซังคยอง จากซีรีส์ Racket Boys, The Crowned Clown) คนที่มีแววจะเป็นนักสืบได้มากกว่าคนที่เหลือ แถมยังดูจริงจังกว่า ไม่เชื่อในการทำร้ายและบีบบังคับประชาชนให้กลายเป็นแพะ
ทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาในช่วงเวลาเกาหลีเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนหลายอย่าง ความพยายามของตำรวจกลุ่มเล็กๆ ที่หมายจะสืบคดีดังและเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน โดยที่ยิ่งสืบก็เหมือนจะยิ่งเจอทางตัน
การเล่าเรื่องแบบตลกร้าย
ผมกล้ากล่าวได้ว่าไม่ว่าคนชาติใดดูหนังเรื่องนี้ก็ได้รับความบันเทิงเห็นจะเป็นน้ำเสียงที่ บงจุงโฮ เลือกจะเอาอารมณ์ขันมาเคลือบแฝงเนื้อหาที่ว่าด้วยการจับแพะอันเป็นหนึ่งในเรื่องราวสุดอื้อฉาวของคดีจริง
และการเลือก ซงกันโฮ กับ โร-ฮาคิม มาจับคู่ก็ถือเป็นมวยถูกคู่มากในขณะที่ฝ่ายแรกมามุกตลกแดกนิ่ง ๆ แต่ฝ่ายหลังเล่นมุกสังขารสุดกักขฬะโดยเฉพาะอุปนิสัยของนักสืบโชยังกูที่ชอบซ้อมผู้ต้องหาเพื่อให้สารภาพตามที่คู่หูอย่างนักสืบปาร์คโดมันได้วางแผนไว้
ซึ่งการเอาอารมณ์ขันตลกร้ายมาเล่าเรื่องราวสุดมืดหม่นก็ทำให้การเล่าเรื่องติดตรึงและเร้าอารมณ์คนดูตลอดเวลาแม้ภาพบนจอจะไม่ได้มีฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมหรือกระทั่งมีตัวละครหนุ่มสาวหน้าตาดีเดินผ่านไปมา
แต่มันก็ทำให้เราละสายตาจากพวกเขาไม่ได้ด้วยจังหวะการแสดงที่เข้าขาและแม่นยำซึ่งก็ไม่แปลกใจอีกเหมือนกันว่าในผลงานหนังใหม่ชนโรงเรื่องต่อมาทำไมบงจุนโฮถึงเลือกซงกังโฮเป็นดาราคู่บุญ
ชั้นเชิงแบบหนังสืบสวน
การวางชั้นเชิงแบบหนังสืบสวนที่ทำได้แม่นยำมาก เพราะแม้หนังจะเอาเรื่องจริงมาเป็นวัตถุดิบแต่การปรุงให้มันออกมาเป็นหนังสนุก ๆ เรื่องหนึ่งก็ถือเป็นเรื่องยากแต่ทว่า Memories of Murder กลับทำได้อย่างสวยงามทั้งการทิ้งปม
และให้เบาะแสคนดูตามตัวละครไปสืบหาความจริงกระทั่งมีจังหวะลุ้นระทึกเดี๋ยวจับได้เดี๋ยวจับผิดหรือจับแล้วหลุดจากคดีซึ่งบอกตามตรงว่าแม้หนังจะผ่านมานานแล้วแต่ความลุ้นระทึกนี่แทบจะยกให้เป็นหนังที่ตื่นเต้นที่สุดที่ได้ฉายในเมืองไทยปีนี้เลยล่ะครับ
การวิพากษ์การเมือง
สิ่งที่ทำให้คนดูอินที่สุดเห็นจะเป็นการวิพากษ์การเมืองในหนังซึ่งเหตุฆาตกรรมก็ดันไปซ้อนทับเหตุประท้วงของนักศึกษาเกาหลีใต้พอดีแบบเป็นประวัติศาสตร์คนละด้านทว่ากลับส่งผลกระทบให้กันไปมาอย่างคาดไม่ถึงโดยเฉพาะซีนที่นักสืบได้เบาะแสคนร้ายแต่ขาดกำลังคนและทางการก็เทกำลังทหารไปปราบจลาจลกันหมด
หรือแม้กระทั่งความเหลื่อมล้ำในที่ทำงานที่เอาตำรวจหญิงเก่ง ๆ ไปชงกาแฟทั้งที่มีฝีมือ ซึ่งแม้เราจะไม่ใช่เพื่อนร่วมชาติก็อดสงสารและโกรธแค้นตามไม่ได้ที่ท้ายที่สุดความเหลื่อมล้ำก็เกิดขึ้นแม้แต่หน่วยงานที่เป็นที่พึ่งของประชาชนเอง
จุดเด่น
Bong Joon-ho สามารถถ่ายทอดความล้มเหลวนั้นออกมาให้ดูเหมือนขำขัน ก่อนจะค่อย ๆ ออกลายเป็นตลกร้าย และเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่ไปถึงจุดที่ขำไม่ออกอย่างแนบเนียนไร้รอยต่อ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะพูดว่า ที่คดีนี้ถูกเรียกว่าคดีปริศนา ทั้งที่ใช้ตำรวจรวมกว่า 3 แสนนายในการสืบหาเบาะแส
และสอบสวนผู้ต้องสงสัยไปกว่า 3 พันคน แล้วยังล้มเหลวเนี่ย เป็นเพราะคนร้ายมันฉลาดมาก หรือเป็นเพราะตำรวจมันเก่งไม่พอ หรือเป็นที่ระบบมันแต่แรกกันแน่ แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้คือ ในเรื่องจริง เกาหลีเองก็เพิ่งจับคนร้ายตัวจริงได้เมื่อไม่นานมานี้เอง
นอกจากนี้ สิ่งที่เราชอบคือ Memories of Murder เต็มไปด้วยบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจและความโกลาหลวุ่นวาย จนไปถึงสัญลักษณ์และภาษาภาพยนตร์ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความสามารถในการทำหนังของ Bong Joon-ho ที่มีมาเป็นกว่าทศวรรษ เช่น ท่อหรืออุโมงค์
ซึ่งอาจเป็นสัญลักษณ์ของความมืดมิดหรือมืดแปดด้าน ยังติดอยู่ในวังวนที่ตัวละครไม่สามารถเข้าใจหรือหาทางออกได้ และบางครั้งคนเราก็ lost จนต้องเผยด้านมืดหรือสูญเสียความเป็นตัวเองไปในถ้ำนั้น ๆ เช่นเดียวกับ ตำรวจจากโซลที่เริ่มถูกระบบตำรวจของคย็องกีกัดกินเข้าไปโดยที่เขาอาจไม่รู้ตัว
โดยรวม
ยอมรับว่านี่คือประสบการณ์การชม Memories of Murder คร้้งแรกของผมและการได้ชมในโรงภาพยนตร์ก็ทำให้นี่เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมนอกเหนือจากบทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิงแล้ว มันยังทำให้ผมไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าบอกให้ผู้ชมจากโลกตะวันตก
เปิดใจให้หนังของเขาและเพื่อน ๆ จากเอเซียเพราะแม้จะหยิบคดีฆาตกรรมในบ้านเกิดตัวเองมาทำหนังทว่าวิธีการเล่าและลีลามีความเป็นสากลแต่ไม่ทิ้งอัตลักษณ์ของความเป็นหนังเกาหลีเลยแม้แต่น้อย
และด้วยการโขกสับวัตถุดิบชั้นดีด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องชั้นเซียนก็ทำให้ Memories of Murder กลายเป็นงานคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่แม้แต่ข่าวล่าสุดที่ว่าสามารถจับผู้ร้ายตัวจริงนาม Lee Chun-jae ก็ไม่ได้ลบความดีของหนังได้เลยเพราะสุดท้ายเวลาเกิดเรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตายความเหลื่อมล้ำ
และล่าช้าของระบบราชการก็ยังคงเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เปลี่ยนแม้หนังจบและเรื่องจริงจะได้รับความกระจ่างแต่พอมามองสังคมเมืองไทยแววตาของนักสืบปาร์คโดมันก็ยังคงแทนใจประชาชนตาดำ ๆ ธรรมดาอย่างพวกเราได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
สรุป
หนังอาชญากรรมที่ผสมผสานไปด้วยความตลกร้ายของสังคมที่ไม่ควรจะเข้ากัน แต่กับลงตัวมากในหนังเรื่องนี้ เนื้อหาน่าติดตามชวนคนดูลุ้นไปพร้อมกับไขคดีฆ่าข่มขืนที่ฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลี
เป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซและคลาสสิกขึ้นหิ้งของ Bong Joon-ho รองจาก Parasite เลยก็ว่าได้ เพราะโดยส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้มากกว่า The Host, Snowpiercer, และ Okja ถ้าใครอยากลองดู ก็สามารถหาดูได้บน Netflix รับรองว่า เป็นหนังดีที่ดูง่ายและดูสนุก น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ และตอนจบก็จบได้อย่างทรงพลังต่อความรู้สึกของคนดู!
Comentarios