รีวิว Hotel Artemis - โรงแรมโคตรมหาโจร
ผมสนใจหนังเรื่องนี้เพราะพลอตสดใหม่ของมัน ดูหน้าหนังเรื่องย่อ มันเห็นเสี้ยวความเป็นแฟนซีอาชญากรรมที่ขายความแปลกใหม่ได้น่าสนใจ อย่างที่หนังอย่าง John Wick หรือ Kingsman เคยทำได้มาแล้ว แต่การเอาภาพหนังพวกนั้นที่ติดลมบนไปแล้วมาทาบทับหนังเรื่องนี้ก็ไม่เป็นธรรมนัก เพราะนี่คืองานกำกับหนังยาวเรื่องแรกของ ดรูว์ เพียร์ซ โปรดิวเซอร์และมือเขียนบทหนังที่อยู่เบื้องหลังหนังใหญ่หนังดังมาแล้วหลายเรื่อง รีวิว Hotel Artemis
เรื่องย่อ
“โฮเทลอาร์ทิมิส” คือตึก 13 ชั้นเก่า ๆ สำหรับคนทั่วไป แต่ด้วยเงินทุนของหัวหน้าแก๊งมาเฟียมาลิบู จึงทำให้เบื้องหลังตึกโทรม ๆ คือศูนย์การแพทย์ลับสุดไฮเทค ที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึก ที่นี่คือโรงพยาบาลที่รับรักษาเฉพาะลูกค้าสมาชิกประจำ ซึ่งนั่นคือกลุ่มอาชญากรนอกกฎหมายที่กระเป๋าหนัก ค่ารักษาต้องจ่ายล่วงหน้าเป็นค่าสมาชิก
และต้องเคารพกฎของสถานที่อย่างเคร่งครัด โดยผู้จัดการของโฮเทลอาร์ทิมิส คือสาวใหญ่สุดแกร่ง, เหี้ยม, และไร้ความกลัว นามว่า จีน โธมัส หรือที่ทุกคนเรียกฉายาเธอว่า นางพยาบาล และในคืนนี้คนไข้กลุ่มหนึ่งที่หลากหลายเป้าหมายก็นำความโกลาหลสุดหยั่งถึงมาเยือนโรงแรมนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่โรงแรมเปิดให้บริการมา
ผมสนใจหนังเรื่องนี้เพราะพลอตสดใหม่ของมัน ดูหน้าหนังเรื่องย่อ มันเห็นเสี้ยวความเป็นแฟนซีอาชญากรรมที่ขายความแปลกใหม่ได้น่าสนใจ อย่างที่หนังอย่าง John Wick หรือ Kingsman เคยทำได้มาแล้ว แต่การเอาภาพหนังพวกนั้นที่ติดลมบนไปแล้วมาทาบทับหนังเรื่องนี้ก็ไม่เป็นธรรมนัก เพราะนี่คืองานกำกับหนังยาวเรื่องแรกของ ดรูว์ เพียร์ซ โปรดิวเซอร์และมือเขียนบทหนังที่อยู่เบื้องหลังหนังใหญ่หนังดังมาแล้วหลายเรื่อง
ทั้ง Iron Man 3 (2013) และกำกับหนังสั้นที่ออกมาแก้ลำปม แมนดาริน ให้สมเกียรติอีกครั้งใน Marvel One-Shot: All Hail the King (2014) – ซึ่งส่วนตัวเลยนะเป็นหนังสั้นของมาร์เวลที่เจ๋งมากอ่ะ และผลงานใกล้ ๆ นี้ เขายังไปเขียนบทให้ Sherlock Holmes 3 (2020) ด้วย
และด้วยเหตุนี้หนังเลยมีการครีเอทบทได้น่าสนใจ ทั้งยังอ่านตลาดออกพอที่จะทำให้หนังสนุกได้ด้วยการเดินเรื่องแบบที่ตัวละครแต่ละคนซ่อนความต้องการที่แตกต่างไว้รอการเปิดเผยอันเป็นฉนวนของการปะทะกันในภายหลัง
ซึ่งพอจับแนวหนังได้ว่าไม่ใช่แอ๊กชั่นในตอนแรกก็มองว่าอาจจะน่าเบื่อ แต่ปรากฏว่าหนังดูสนุกในแบบหนังสายลับ หนังนักสืบ หนังจากพวกอาชญนิยายชั้นดีแบบนั้นมากกว่า ที่สร้างสถานการณ์กลุ่มคนต่างที่มาต้องมาอยู่ในสถานที่จำกัด และสถานการณ์ที่ชวนให้พลิกผันค้นหาความจริงว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนั้นการที่เพียร์ซเป็นโปรดิวเซอร์หนังมาหลายเรื่องก็สามารถดึงดาราดี ๆ มาขึ้นจอได้หลายคน ซึ่งเราได้เห็นตั้งแต่ชื่อชั้นดารานำแล้ว ทั้ง โจดี้ ฟอสเตอร์ ในบท นางพยาบาล ตัวหลักของหนังที่แต่งหน้าให้ดูสูงวัยขะมุกขะมอมก็เชิดหน้าชูตาหนังให้สะดุดตาได้มาก
ทั้งยังมีดาราฝ่ายชายที่เด็ดดวงในบท เชอร์แมน อย่าง สเตอริ่ง เค. บราวน์ ที่พูดตรงนี้บางคนคงนึกว่า ใครวะ? แต่บอกเลยไม่ธรรมดานะเพราะเขาคือดาราจากซีรีส์ This is Us ที่เพิ่งชนะรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมลูกโลกทองคำปีที่ผ่านมานี่เอง
เนื้อเรื่อง
ในโลกอนาคตข้างปี 2028 ประเทศอเมริกาน่าจะประสบความวุ่นวายครั้งใหญ่ แม้เราจะไม่ได้ทราบอะไรมากมายว่าสภาพบ้านเมืองนั้นเป็นอย่างไร แต่เหตุการณ์ในหนังใหม่เต็มเรื่องทำให้เราเข้าใจได้พอสังเขปว่าเมืองลอสแองเจลิสกำลังมีเหตุจลาจล
ขณะเดียวกันโรงแรม Hotel Artemis ซึ่งชั้นบนสุดของโรงแรมถูกดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่เปิดให้บริการแก่อาชญากรที่เป็นสมาชิกเท่านั้น
จีน โธมัส (โจดี้ ฟอสเตอร์) หรือที่ทุกคนเรียกเธอว่าคุณนางพยาบาล เธอคือผู้จัดการของ Hotel Artemis เธอต้องดูแลคนไข้ที่เป็นทั้ง นักฆ่า มือปืน ขโมย และชาวแก๊ง ทั้งห้องฉุกเฉินสุดล้ำที่สามารถปลูกถ่ายไตใหม่ให้ผู้ป่วยด้วยปริ้นเตอร์ 3 มิติ
หรือฉีดนาโนบอทให้ผู้ป่วยเพื่อทำการรักษาจากภายใน ด้วยความช่วยเหลือจาก เอเวอร์เรสต์ (เดฟ บัลทิสต้า) ผู้ช่วยของเธอ แต่แล้วความวุ่นวายก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อโทรศัพท์สายสำคัญจากครอสบี้ แฟรงคลินท์ (แซคคารี ควินโต) ลูกชายของไนแองการ่า (เจฟฟ์ โกลด์บลัม)
ที่ต้องการให้เธอเตรียมโรงพยาบาลให้พร้อมเพราะพ่อของเขากำลังเดินทางมารักษา โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนไข้บางรายที่อยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้แอดมิดเข้ามาเพื่อเตรียมสังหารเจ้าพ่อรายนี้โดยเฉพาะ
ด้านนักแสดง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รวมเอานักแสดงฝีมือดีเอาไว้ในเรื่องหลายคน เริ่มที่ “โจดี้ ฟอสเตอร์” ในบท “เดอะ เนอร์ส” ที่ต้องเมคอัพให้ดูแก่ชรากว่าอายุจริงของเธอ , “เดฟ บาติสต้า” ในบท “เอเวอเรสต์” บุรุษพยาบาลร่างยักษ์ที่ในเรื่องไม่ได้มาบู๊อย่างเดียว , “สเตอร์ลิ่ง เค. บราวน์” ในบท “ไวกิกิ” หัวหน้าโจรแถวหน้าของแอลเอ
“เจฟฟ์ โกลด์บลัม” ในบท “เดอะ วูล์ฟ คิง” มาเฟียตัวพ่อสปอนเซอร์ใหญ่แห่งโฮเทล อาร์ทิมิส และ “โซเฟีย โบเทลลา” ในบท “นีซ” นักฆ่าสาวที่จะสะกด สายตาของผู้ชมทุกคน
การคุมโทนปริศนาและความแฟนซี
ข้อดีของหนังคือหนังออนไลน์ การคุมโทนปริศนาและความแฟนซีให้เราจดจ้องว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตัวละครแต่ละกลุ่มต้องเผชิญหน้ากัน ด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เหมือนก่ออิฐสร้างบ้านทีละชิ้นให้เรารอดู ข้อเสียของหนังก็ยังคงมีบางจุดที่ดูขาดความสมจริงและเหตุผลไปบ้างแต่ก็ไม่มากนัก
และข้อเสียที่สำคัญคงเป็นการที่หน้าหนังทั้งตัวอย่างหนังและดาราสมทบทั้งหลายที่ชวนให้คิดว่าเป็นหนังบู๊สะบั้นหั่นแหลก ก็คงทำใครที่หวังมาดูแอ๊กชั่นเพียว ๆ เสียความรู้สึกไปบ้าง แต่ถ้าเปิดใจหน่อยหนังเรื่องนี้ก็มีของดีไม่ได้น่าเบื่อ ยิ่งถ้าคุณชอบแนว ๆ พวกนิยายแก๊งสเตอร์ดาร์กแฟนตาซีด้วย นี่จะยิ่งโคตรชอบไปเลยล่ะ
จุดด้อย
น่าเสียดายที่หนังแอ็คชั่น-มาเฟียเรื่องนี้จะปูเรื่องได้น่าสนใจ อีกทั้งยังมีการหยิบเอาเรื่องโลกอนาคตมาเป็นฉากหลัง แต่กลายเป็นว่าองค์ประกอบที่เสริมเข้ามานั้นจะไม่ค่อยมีความสำคัญกับเรื่องราวสักเท่าไหร่ เพราะถึงย้ายกลับมาให้เป็นช่วงเวลาปัจจุบันก็คงให้ความรู้สึกพอๆกัน
เนื่องจากบทหนังดูจะไปโฟกัสกับอดีตอันบอบช้ำของนางพยาบาลเสียมากกว่า อีกทั้งตัวละครแวดล้อมก็ดูแห้งแล้งไร้มิติเอาซะเหลือเกิน ทั้งที่ในเรื่องนั้นมีตัวละครเด่นๆอยู่ไม่กี่คนไม่ว่าจะเป็น นีซ มือสังหารยอดฝีมือชาวฝรั่งเศส อคาพูลโก้ พ่อค้าอาวุธระดับนานาชาติ และสองพี่น้องนักปล้น ไวกิกิ และ โฮโนลูลู
แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็แทบไม่ได้รู้จักพวกเขา เพราะบทสนทนาในเรื่องหลายช่วง ไม่ได้ขับเคลื่อนให้เรื่องราวเดินไปข้างหน้าอย่างที่มันควรจะเป็น ส่งผลให้ช่วง 1 ชั่วโมงแรก กลายเป็นหนังตามติดชีวิตอาชญากรมานั่งบ่นปัญหาชีวิตกันซะมากกว่า
กว่าที่ฉากแอ็คชั่นจะเดินทางมาถึงก็ปาเข้าไปจนเกือบหนังจะจบเรื่องแล้ว และทุกอย่างก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก เนื่องจากคนดูก็รู้ตั้งแต่ช่วงต้นๆแล้วว่าใครโผล่มาหนังเรื่องนี้เพื่อมีหน้าที่อะไร เพียงแค่รอเวลาที่พวกเขาจะได้แสดงซีนเด่นก็เท่านั้น
ที่น่าผิดหวังไปมากกว่าบท คือการตัดต่อของเรื่อง ในเมื่อหนังเรื่องนี้อ้างอิงเหตุการณ์ภายใต้ช่วงเวลาหนึ่งค่ำคืน แต่หลายครั้งที่หนังใช้กลวิธี “โกงเวลา” จนคนดูรู้สึกได้ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันสองเหตุการณ์ใช้เวลาไม่เท่ากัน
เช่นฉากที่ตัวละครตำรวจกำลังลงลิฟต์ด้านหลัง กับเหตุการณ์ที่จีนต้องมาเปิดประตูรับไนแองการ่า เหตุการณ์หลังควรจะกินเวลายาวนานกว่าการลงลิฟต์
แต่กลายเป็นว่าเมื่อหนังใช้วิธีการตัดสลับเหตุการณ์ จึงทำให้ “ช่วงเวลา” ดูไม่สม่ำเสมอกัน (ไม่ใช่แค่เพียงฉากนี้ฉากเดียว มีหลายครั้งที่เหตุการณ์บางอย่างก็ดูเป็นการตัดแปะด้วย)
โดยรวม
โดยรวมๆ Hotel Artemis เป็นหนังที่มีพล็อตและวัตถุดิบที่น่าสนใจ แต่เมื่อเอามาขยายเป็นหนังความยาวชั่วโมงครึ่ง หนังควรจะมีรายละเอียดและความชัดเจนในการเล่าเรื่องมากกว่านี้
สรุป
เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอพลอตเรื่องได้สดใหม่น่าสนใจ มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องที่ดี แต่มีข้อเสียตรงประเด็นของตัวละครและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องแบบไม่สมเหตุสมผล แต่ถ้าลองเปิดใจดู Hotel Artemis ถือเป็นหนังที่เล่าเรื่องได้สนุกอย่างมีชั้นเชิงสร้างความบันเทิงให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี แต่ใครที่ตั้งใจเข้าไปดูฉากแอคชั่นมัน ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ตอบโจทย์สำหรับคุณ
Comments