รีวิว Double World - พิภพสองหล้า
ผลงานหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีเรื่อง Double World เป็นผลงานการกำกับของ เท็ดดี้ เฉิน หรือ เฉินเต๋อเซิน ซึ่งถ้าพูดชื่ออาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าบอกว่าเขาเคยกำกับหนังอย่างวิ่งระเบิดฟัด The Accidental Spy (2001) ที่นำแสดงโดยเฉินหลง หรือแกเองก็เคยนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังแอ็คชั่นโคตรระห่ำ ดำมหากาฬ Black Mask (1996) ที่นำแสดงโดยหลี่ เหลียน เจี๋ย เป็นต้น ดังนั้นรับประกันได้เลยว่าหนังจะต้องสนุกระเบิดระเบ้อ รีวิว Double World
เรื่องย่อ
หลังจากสิ้นสุดสงครามระหว่างแคว้นจ้าวและแคว้นเหยียน แคว้นจ้าวอยู่กันอย่างสงบสุขมาหลายปี ต่อมาเกิดเหตุการณ์นักฆ่ารอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ท่านราชครูกวนจึงส่งสารออกไปยังพรรคทั้ง 8 ทั่วแคว้น จุดประสงค์เพื่อให้ทั้ง 8 พรรคส่งนักรบมากฝีมือเข้าร่วมประลองแย่งชิงความเป็นหนึ่งเพื่อครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้น ตงอี้หลง
และฉู่หวนออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองเฟิ่งหวงเพื่อเข้าร่วมประลองในฐานะตัวแทนของพรรคชิงหยวนพร้อมกับจุดประสงค์แอบแฝงของทั้งคู่ พวกเขาพบเจอเพื่อนร่วมทีมตัวน้อย เสี่ยวเหม่ย ซึ่งมาพร้อมกับมิตรภาพที่ลึกซึ้ง พวกเขาทั้ง 3 จะฝ่าฟันการประลองไปจนกลายเป็นผู้ชนะแห่งสนามประลองนี้ได้หรือไม่
เน็ตฟลิกซ์ ต่อยอดความสำเร็จของหนังจีนผลาญงบซีจีฟอร์มใหญ่อย่าง The Wandering Earth เมื่อปีก่อน โดยนำหนังสเกลใกล้กันจากทีมสร้างซีจีเดียวกันแต่แต่งกลิ่นเป็นหนังจีนกำลังภายในย้อนยุคแฟนตาซีสุดมันในนาม Double World หรือ 征途 มาเสิร์ฟแฟนหนังกันแบบปีชนปี
โดยหนังเรื่องนี้ยังเป็นผลงานกำกับของผู้กำกับรุ่นใหญ่จากฝั่งฮ่องกงอย่าง เท็ดดี้ เฉิน หรือ เฉินเต๋อเซิน ที่เคยมีผลงานคุ้นหูคุ้นตาในบ้านเราอย่าง หนังเฉินหลงเรื่อง วิ่งระเบิดฟัด The Accidental Spy (2001) หรือหนังย้อนยุครวมดาวบู๊ระดับพระกาฬอย่าง 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น Bodyguards and Assassins (2009) เป็นอาทิ
และนี่น่าจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่เท็ดดี้ เฉินนำความเข้มข้นในการถ่ายทอดเนื้อหาหนัก ๆ บวกการกำกับหนังแอ็กชันฮ่องกงอย่างเชี่ยวกรำ มาผสมกับงานซีจีสไตล์จีนแบบจัดเต็ม กลายเป็นหนังแฟนตาซีสนุก ๆ ความยาว 110 นาทีที่สร้างความประหลาดใจให้เราได้ไม่น้อย
รับประกันความสนุก
ผลงานหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีเรื่อง Double World เป็นผลงานการกำกับของ เท็ดดี้ เฉิน หรือ เฉินเต๋อเซิน ซึ่งถ้าพูดชื่ออาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าบอกว่าเขาเคยกำกับหนังอย่างวิ่งระเบิดฟัด The Accidental Spy (2001) ที่นำแสดงโดยเฉินหลง หรือแกเองก็เคยนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังแอ็คชั่นโคตรระห่ำ ดำมหากาฬ Black Mask (1996) ที่นำแสดงโดยหลี่ เหลียน เจี๋ย เป็นต้น ดังนั้นรับประกันได้เลยว่าหนังจะต้องสนุกระเบิดระเบ้อ
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของแคว้นจ้าวและแคว้นเหยียนที่เคยทำสงครามกันเมื่อนานมาแล้ว แต่เมื่อศึกครั้งนั้นสงบลง แคว้นต่างๆก็เหมือนจะแยกจากกันเป็นเอกเทศจนเมื่อ เกิดเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ทำให้ท่านราชครูได้ส่งสารออกไปยัง 8 แคว้นทั่วอาณาจักร
เพื่อให้ส่งนักรบมากฝีมือเข้ามาร่วมประลองเพื่อชิงชัยตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นขึ้น ตงอี้หลง (เฮนรี่ หลิว) ฉู่หวน (ปีเตอร์ โฮ) และจิงกัง (เฉินฮาน หลิน) จะต้องรวมทีมเฉพาะกิจเพื่อเข้าร่วมประลองในครั้งนี้ ในฐานะตัวแทนพรรคชิงหยวน
ระหว่างเข้าร่วมการประลองคนดูก็จะได้สนุกไปกับฉากแอ็คชั่นสุดอลังการตื่นตาตื่นใจเพราะบรรดาเมืองต่างๆที่ปรากฏอยู่ในเรื่องจัดได้ว่าแฟนตาซีจ๋าจนต้องร้องว้าวในงานออกแบบงานสร้างที่ซีจีและการดีไซน์ฉากที่น่าจะสร้างขึ้นในสตูดิโอเป็นหลัก
ซึ่งผสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน และถ้าหากได้ชมดูหนังฟรีบนจอภาพยนตร์ใหญ่ๆดีกรีความอลังการเรียกได้ว่าไม่แพ้หนังบล็อกบัสเตอร์ฝั่งตะวันตกเลยทีเดียว
แน่นอนเมื่อหนังเทน้ำหนักให้ฉากแอ็คชั่น ฉากหลังของเหล่าตัวละครจึงแบนราบยิ่งกว่ากระดาษซับมัน ซึ่งที่มาที่ไปของตัวเอกอย่างตงอี้หลงที่เป็นเด็กกำพร้าในตอนต้นเรื่องนั้น คนดูก็ไม่ต้องเดาอะไรให้เหนื่อยเมื่อยสมอง เพราะหนังจีนที่ปูพล็อตแบบนี้มา มักจะพบว่าจริงๆแล้วตัวเองมีสายเลือดของผู้มีอำนาจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว!
ด้านตัวละคร
ตงอี้หลง
เด็กหนุ่มเกเรจนคนในพรรคชิงหยวนต่างก็ขนานนามเขาว่า ไอ้เด็กนอกคอก เขานั้นถูกเลี้ยงและเติบโตมาในพรรคชิงหยวนโดยไม่รู้ถึงชาติกำเนิดของตัวเอง จนกระทั่งเขาต้องออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่สนามประลองพร้อมกันกับการค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวเขา
ฉู่หวน
ทหารหนีทัพที่หนีเอาชีวิตรอดไปใช้ชีวิตยังพรรคชิงหยวน เพื่อรอวันแก้แค้นให้กับพี่ชายของเขา เขาและตงอี้หลงออกเดินทางสู่เมืองหลวงเพื่อชิงตำแหน่งแม่ทัพ และใช้โอกาสครั้งนี้แก้แค้นให้สมกับที่รอคอยมาอย่างเนิ่นนาน
จิงกังเสี่ยวเหม่ย
สาวน้อยหัวขโมยแสนว่องไวและวิทยายุทธเป็นเลิศ เธอเข้าร่วมทีมกับอี้ตงเพื่อพิสูจน์ฝีมือและพิชิตอันดับ 1 แห่งสนามประลองจนกลายเป็นตำนานของแคว้นจ้าว
การดำเนินเรื่อง
ส่วนที่รู้สึกว่าหนังวางแผนมาได้ดี ก็คือการปูพื้นเรื่องแบบไม่ยากเกินไปชงให้มีการโชว์การต่อสู้ได้ตลอด เหมาะกับแนวหนังหนังออนไลน์แอ็กชันมาก ๆ โดยเรื่องว่าด้วย 2 อาณาจักรที่เหนือ-ใต้ที่ห้ำหั่นกันมาตลอด และแล้วอาณาจักรใต้ก็ต้องการจัดประลองยุทธเพื่อเฟ้นหาแม่ทัพใหญ่มาปกปักบ้านเมือง
โดยส่งเทียบเชิญไปยัง 8 สำนักใหญ่ในแผ่นดิน บังคับให้ส่งตัวแทนมาร่วมประลองสำนักละ 3 คน โดยแก๊งพระเอกก็เป็นการรวมตัวเฉพาะกิจของตัวแทนที่ต่างคนก็มีเป้าหมายต่างกัน นิสัยใจคอต่างกัน แต่ต้องมาร่วมทางอย่างจำใจ
ด้านฉากต่างๆ
ฉากโชว์ก็มีตั้งแต่การฝ่าด่านแปลกตาต่าง ๆ อย่างเดินข้ามแหโซ่ที่ด้านล่างเป็นหลาวหอกแหลมและมีลูกเหล็กยักษ์กลิ้งไปมา ซึ่งผู้สร้างยังสร้างความน่าลุ้นแบบเอาไปพัฒนาตัวละครได้ด้วยโดยการออกกติกาว่าทีม 3 คนต้องถูกร้อยด้วยโซ่เส้นเดียวกันด้วย ครั้นจะมีแต่กับดักเป็นอุปสรรคก็จะไม่มัน
ก็ยังมีด่านอื่น ๆ ที่ให้โชว์ซีจีกันเต็ม ๆ อย่างภารกิจล่าไข่จอมราชาอสูรในถ้ำอสูรที่มีทั้งพืชพิษและสัตว์ยักษ์ดุร้ายรออยู่ เป็นต้น หรือแบบที่ง่าย ๆ อย่างการให้ต่อสู้ประลองตัวต่อตัวก็เป็นฉากที่เซ็ตไว้ด้วยบท แบบที่คนดูชอบและเข้าใจง่ายทั้งสิ้น คือนี่ล่ะหนังแอ็กชันมันต้องประมาณนี้
แต่อย่านึกว่าหนังไม่มีอะไรนะ เราจะรู้สึกประหลาด ๆ ว่าหนังมันมีของกันตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เรื่องเลย ที่เปิดแก๊งพระเอกออกจากหมู่บ้านมา 3 คน แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นแบบที่ยังไม่ทันจำหน้าตัวละครบางตัวได้ด้วยซ้ำ (เอาแล้ว ๆ ๆ)
ต่อมาก็ยังมีฉากดูทาสหญิงถูกบังคับให้ฆ่ากันเองกลางตลาด (แอบดาร์ก) แล้วพอมีการคัดเลือกด่านแรกเราก็เตรียมประทับใจจ๊อดกับวิธีการช่วยเพื่อนที่ขาติดระหว่างแหโซ่ได้แบบต้องอุทานในใจ (ไม่ค่อยใสแล้วโว้ยเรื่องนี้)
แต่ที่ว่ามามันก็แค่หยิบยื่นบรรยากาศนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะของจริงช่วงหลังของเรื่องนี้ ทำเอาอยากเข้าไปกระชากคอเสื้อทีมสร้างแล้วดูหน้าชัด ๆ ว่าใจคอพวกพี่ทำด้วยอะไรห๊า !!
จุดเสีย
ข้อเสียของหนังก็มาแนวเดิมเลยคือซีจีบางฉากก็หลอกลอยไปนิด ถึงภาพรวมกว่า 80% จะดูดีมาก ๆ ก็ตาม แต่ไอ้ฉากที่หลุด ๆ มันดันเป็นฉากสำคัญด้วยเลยมีผลต่อความสมจริงสมจังของเนื้อหาไปเลย แต่ก็ทำใจไว้แล้วเลยไม่ค่อยมีผลอะไร
การออกแบบฉากและตัวละครก็ยังไม่ได้ถือว่าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์นัก ยังมีมุมที่คล้ายเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ก็ทำได้พอดีกับตัวเรื่อง และจุดที่รู้สึกจะดีมากถ้าทำได้คือการขยายเรื่องออกอีกสัก 30 นาที แล้วเติมขยี้จุดต่าง ๆ ที่วางปมดราม่าไว้ดีแล้วให้แน่นขึ้นไปอีก
จะยอดเยี่ยมมาก ๆ เพราะตอนเราดูแบบชอบใจเลยล่ะกับการดีไซน์ฉากดราม่าที่มาน้อยแต่มาหนัก แถมไม่ได้ต่อยลม ๆ ด้วยแต่เอาเข้าเป้าแบบมีเนื้อมีหนังทั้งสิ้น ซึ่งก็แอบเสียดายล่ะว่ามีหลายประเด็นน่าจะขยี้ให้แน่น ๆ กว่านี้หน่อย
สรุป
ดูดีดูเพลิน นักแสดงหน้าตาสวยหล่อ มีจุดทิ้งให้คิดได้หนัก ๆ หลายครั้ง แต่ก็ต้องทำใจนิดเรื่องการเดินเรื่องไวแบบไม่รอขยี้เพราะมีซับพลอตต้องเล่าเยอะเหมือนกัน และที่สำคัญคอหนังที่ชอบโดนผู้สร้างทำร้ายจิตใจก็น่าจะได้ทรมานบันเทิงไปพอแก้กระษัยเลยล่ะ ถึงจะไม่ได้หนักหนามากก็ตาม
Comentarios