รีวิว Deep - โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย
เรียกว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่ายินดีของนักเรียนภาพยนตร์ เมื่อ Netflix ตัดสินใจเปิดโอกาสให้ผลงานภาพยนตร์ของนักศึกษา ‘DEEP โปรเจ็กต์ลับ หลับเป็นตาย’ ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด ในการร่วมพัฒนาโปรเจกต์ จนได้ออกฉายทาง Netflix ถือว่าเป็นงานนักศึกษาชิ้นแรกของไทยที่ได้ไปอยู่ในแพลตฟอร์มระดับโลกเลยก็ว่าได้ รีวิว Deep
เรื่องย่อ
นักศึกษาแพทย์ที่มีอาการนอนไม่หลับ 4 คน หลงกลไปเข้าร่วมการทดลองทางประสาทวิทยาศาสตร์ที่กลายเป็นฝันร้าย และทุกคนต้องหาทางหนีเอาตัวรอดก่อนจะสายเกินไป
เรียกว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่ายินดีของนักเรียนภาพยนตร์ เมื่อ Netflix ตัดสินใจเปิดโอกาสให้ผลงานภาพยนตร์ของนักศึกษา ‘DEEP โปรเจ็กต์ลับ หลับเป็นตาย’ ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
และบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด ในการร่วมพัฒนาโปรเจกต์ จนได้ออกฉายทาง Netflix ถือว่าเป็นงานนักศึกษาชิ้นแรกของไทยที่ได้ไปอยู่ในแพลตฟอร์มระดับโลกเลยก็ว่าได้
โดยโปรเจกต์นี้ ตั้งแต่ไอเดีย บทภาพยนตร์ และการถ่ายทำทุกขั้นตอน ผ่านการโค้ชอย่างใกล้ชิดจากเมนเทอร์ระดับมืออาชีพของวงการหนังไทย ทั้ง ‘วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง’ ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องบทภาพยนตร์
และ ‘อังเคิล – อดิเรก วัฏลีลา’ ที่มาชี้แนะในส่วนของการกำกับภาพยนตร์ โดยมีทีมงานรุ่นใหม่จาก ม.กรุงเทพ เป็นกำลังหลักในการเขียนบทและถ่ายทำอย่างยาวนานตลอด 3 ปีเต็ม
นอกจากนี้ยังได้ 4 นักแสดงรุ่นใหม่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้ง ‘แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน’, ‘เค เลิศสิทธิชัย’ (Kayavine), ‘เฟิร์น-ศุภนารี สุทธวิจิตรวงษ์’, ‘กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ (กิต นักร้องนำวง Three Man Down)’ มาร่วมแสดงด้วย
เนื้อเรื่อง
เป็นเรื่องราวของนักศึกษาแพทย์ 4 คน ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่มีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาใช้เวลาในการนอนน้อยมาก พวกเขาจึงได้เข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครร่วมวิจัยตัวใหม่
โดยข้อเสนอก็คือ ถ้าหลับเกิน 60 วินาทีจะตาย แต่หากอดทนได้จะได้รับเงิน เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับพวงเขา การที่เราเข้าร่วมการอดนอนนั้น จะมีการฝังชิพเข้าไปที่หลังคอซึ่งในหนังใช้คำว่า Deep
ซึ่งการ Deep แต่ละครั้งเราจะต้องทำเปอร์เซ็นคิวราโทนินเต็ม 100 % ซึ่งจะบอกผ่านนาฬิกาข้อมือ ยิ่ง Level สูงเท่าไหร่ ก็จะได้เงินมาก และต้องใช้เวลามากในการไม่หลับเช่นกัน และพวกเขาทั้ง 4 คนจะเลือกระหว่างเงินหรือการนอนหลับ
แนวคิด
หนังไทยช่วงหลังมีความพยายามฉีกไปทางแนววิทยาศาสตร์ระทึกขวัญมากขึ้น อย่างล่าสุดโกสแล็ปกับการทดลองพิสูจน์ผี ซึ่งก็ต้องบอกว่าพังไม่เป็นท่าจากตรรกะไม่สมเหตุผลกับแนววิทยาศาสตร์ที่เรื่องนำเสนอเลย
หลายคนก็คงสงสัยและตั้งคำถามกับหนังใหม่เต็มเรื่อง เรื่องต่อมาอย่างดีฟว่าจะลงเอยแบบเดียวกันหรือไม่? ก็ต้องบอกกันก่อนเลยว่า สูสีเกือบพังในเลเวลใกล้เคียงกันเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากเมื่อดูจากโปรไฟล์ว่าเป็นงานที่มีผู้กำกับชื่อดัง วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง มาแนะนำคุมงาน
(มีผลงานอย่าง เปนชู้กับผี อินทรีแดง เฉือน รุ่นพี่ นางนาก และอีกหลายเรื่องที่จัดว่าดีพอตัว ส่วนตัวผู้เขียนก็เป็นแฟนผลงานเขาด้วยแม้เรื่องหลังอย่างสิงสู่จะพังไม่เป็นท่า)
ลำดับของโปรเจ็กต์นี้ก็เกิดจากกลุ่มนักศึกษาสาขาภาพยนต์ของ ม.กรุงเทพ ตกลงกับทรานส์ฟอร์เมชั่นเฟ้นหาผลงานหน้าใหม่ขึ้นมาในวงการ โดยมี อดิเรก วัฏลีลา กับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นโค้ชแนะแนวช่วยเหลือให้อีกที
แต่ทั้งดารานักแสดงและผู้กำกับที่ร่วมกันหลายคนเป็นหน้าใหม่ทั้งหมด ตรงนี้ผู้เขียนไม่โทษเพราะนี่เป็นผลงานแรกในวงกว้างของพวกเขา ซึ่งถ้าไม่มีชื่อผู้กำกับดังมาคุมงาน อาจจะดีซะกว่า เพราะถือว่าเป็นไอเดียการทำหนังแนวใหม่ๆ ของคนไทยที่โอเคพอได้ในระดับหนึ่ง
ในต้นทุนที่ต่ำและข้อจำกัดของทีมงานด้วย แต่พอมีผู้กำกับใหญ่มาคุมก็ต้องสงสัยขึ้นมาว่า อะไรหลายๆ อย่างที่พังในเรื่องนี้มันผ่านการแนะนำของเขามาได้ยังไง ในเมื่อคนดูเองยังรู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่ควรจะมี หรือเป็นอย่างนี้ได้เลยแท้ๆ
พล๊อตของเรื่อง
พล็อตของหนังเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่หยิบเอาจุดร่วมของคนสมัยนี้ที่กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว (แต่บางทีเราก็ไม่รู้ตัว) นั่นก็คือ การอดหลับอดนอนนั่นเอง เพราะอาจจะด้วยความเคยชิน หรือเหตุผลอะไรก็ตาม ซึ่งตรงนี้นี่แหละครับที่นักศึกษาหยิบเอามาต่อยอดเป็นพล็อตหนัง โดยการตั้งคำถามว่า คนเราจะอดนอนได้สักเท่าไหร่ และถ้าอดนอนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
และก็นำมาสู่พล็อตหลักของเรื่องที่ว่าด้วยนักศึกษาแพทย์ 4 คนที่มีไลฟ์สไตล์ต่างรูปแบบกัน (แต่อดหลับอดนอนเหมือนกัน) ต้องจับพลัดจับผลู เมื่อได้ทราบถึงโปรเจกต์การทดลองลับ ๆ ของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยต้องเข้ารับการฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกาย เพื่อแลกกับเงินจำนวนมหาศาล โดยมีเงื่อนไขว่า ห้ามงีบหลับโดยเด็ดขาด เพราะถ้างีบหลับเมื่อไหร่ หัวใจจะหยุดเต้น และส่งผลให้ตายในทันที
ปมบางอย่าง...
ตัวเรื่องพยายามเสริมแบ็คกราวด์ของตัวละครแต่ละตัวให้มีปมบางอย่าง เพื่อเอามาใช้ตอนนอนไม่หลับแล้วหลอนให้ระทึก แต่กลายเป็นว่าปมพวกนั้นกลับใส่มาแบบน้อยมากแทบไม่รู้อะไรจริงๆ เลย แม้แต่นางเอกตัวหลักที่บอกพ่อแม่ถูกฆ่าตาย
เลยส่งผลให้นางเป็นพวกวิตกจริต แต่ก็ถูกหยิบมาใช้แบบล่องลอยมากจากการไล่ตรวจดูสิ่งต่างๆในบ้าน ในขณะที่ฉากหลอนแทนที่จะนำเรื่องเหล่านี้กลับมาเหวี่ยงใส่ให้ตัวละครสติแตกหวีดคลั่งกันสุดๆ แต่กลับใส่มาแค่ผิวๆ ไปหมด
แม้แต่ตอนท้ายที่พยายามบิ้วเรื่องหลอนกันสุดๆ ก็ยังแค่การชกต่อยกันในกลุ่มเท่านั้นเอง ซึ่งบอกตรงๆ ว่าการไม่นอนหลายวันติดกันมันส่งผลทางจิตรุนแรงกว่านั้นมาก ลองดูจากเรื่อง Awake ของเน็ตฟลิกซ์เองก็ได้ที่คนสติแตกสามารถระเบิดอะไรออกมาได้เกินกว่าที่คิด
แต่โอเคเข้าใจว่าด้วยงบอาจจะไม่สามารถทำเอฟเฟ็กต์ความรุนแรงต่างๆ ในช่วงหลอนได้มาก และตัวเรื่องเองก็อาจจะตั้งใจเบรกตัวเองไม่ให้รุนแรงมากด้วยก็ได้ เพราะเรื่องนี้สุดท้ายแม้เป็นแนวทริลเลอร์
แต่กลับไม่มีใครตายหรือบาดเจ็บอะไรหนักหนาให้คนได้ลุ้นเลยสักนิด แม้จะมีฉาก CPR ปั๊มหัวใจของตัวละครสองครั้ง แต่มันก็ยังไม่ได้ผลอะไรในแง่ของความระทึกอย่างที่ควรจะเป็นเลยจริงๆ
จุดเด่น
แน่นอนว่า หากจะให้พูดถึงจุดเด่น ก็คงหนีไม่พ้นพล็อตอันแปลกใหม่ที่หยิบเรื่องของการอดนอนมาต่อยอดนี่แหละครับ และไม่ใช่เป็นเพราะว่าป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับ เหมือน ‘คริสเตียน เบล’ (ผอมกะหร่อง) ใน The ‘Machinist (2004)’ หรือไม่ได้หลับเพราะหลับไม่ได้เหมือนในหนัง Netflix เรื่อง ‘AWAKE (2021)’ ด้วย
แต่เป็นการตั้งใจเจตนาอยากจะนอนไม่หลับนี่แหละ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นแกนไอเดียที่แข็งมากเลย ซึ่งถ้ามองจากโครงเรื่องโดยรวม ๆ ก็ต้องบอกว่าตีโจทย์ได้ค่อนข้างแตกนะครับ ในการอธิบายว่าถ้าอดนอนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ซึ่งแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่แค่ว่าง่วงหรือเบลอจนทำอะไรมั่วซ่ัวอย่างเดียวแน่ ๆ แต่มันน่าสนใจตรงที่พล็อตเว็บหนัง HD สามารถทำให้การอดหลับอดนอนนำไปสู่จังหวะและเหตุการณ์ระทึกขวัญได้อย่างน่าสนใจทีเดียว รวมถึงปมปัญหาของตัวละครบางตัว
ที่มีผลทำให้เกิดจุดหักเหบางอย่างในหนังด้วย และรวมไปถึงงานโปรดักชัน มุมกล้อง การตัดต่อที่ทำได้ออกมาน่าสนใจในฐานะหนังนักศึกษาหน้าใหม่ และในฐานะหนัง Netflix เลยแหละ
จุดด้อย
แต่จริง ๆ ถ้าจะให้พูดข้อสังเกต ก็น่าจะเป็นข้อสังเกตที่ถือว่าเป็น Pain point หลัก ๆ ของหนังนักศึกษาโดยปกตินั่นแหละครับ คือเรื่องของบทที่ยังค่อนข้างจะเป็นเส้นตรงไปหน่อย คือแม้หนังเรื่องนี้จะมีแกนแข็ง ๆ ที่เอาไปตีโจทย์ต่อยอดได้หลากหลาย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ตีโจทย์ได้ดีในระดับหนึ่งนั่นแหละนะครับ
สิ่งที่พังที่สุดของเรื่องคือช่วงหักมุมสุดท้าย โอเคนะว่าตัวเรื่องพยายามซ่อนตรงนี้ไว้เพื่อหักมุมกันตรงๆ แต่มันก็ได้แค่เซอร์ไพรซ์เพียงนิดเดียวอันนั้นไม่ว่ากันจริงๆ แต่ปัญหาคือความพยายามอธิบายเหตุผลต่างๆ นาๆ กับการกระทำช่วงท้ายของตัวร้ายในเรื่อง
รวมถึงกลุ่มตัวเอกก็ด้วย คือมันมีความไม่น่าเชื่อถือว่าเวลาเจอเหตุการณ์แบบนั้นจะทำได้เพียงแค่นี้ อย่างถูกขังในห้องวอร์ด แต่ทั้งหมดช่วยกันพังประตูที่ถูกล็อคปกติไม่ได้ การที่ตัวปมในเรื่องอย่างน้องนางเอกถูกนำมาเกี่ยวด้วยแบบงงๆ
ว่าทำไมไม่หลุดจากข้อตกลงไปตามที่ตัวร้ายยื่นข้อแลกเปลี่ยนไว้ก็ไม่มีเหตุผลอธิบาย แถมตัวร้ายจู่ๆ ก็นึกจะสู้กับพวกตัวเอกทั้งกลุ่มด้วยเข็มฉีดยาอันเดียวอีก แถมช่วงเฉลยนี้ยังใช้แสงฟ้าแล่บแปร๊บๆ มาประกอบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยให้ดูระทึกแบบพวกหนังสยองขวัญ
นึกถึงพวกหนังไล่เชือดแบบนั้นเลย ซึ่งมันไม่ค่อยเข้ากันเลยกับการพลิกเรื่องมาแบบนี้แล้วก็ใส่มาเพื่อหวังสร้างอารมณ์ให้คนดู แทนที่จะวางฉากการไล่ล่าเอาตัวรอดดีๆ ให้ลุ้นระทึกได้มากกว่า
หรือเรื่องของปมปัญหาของบางอันของบางคน ที่จริง ๆ แล้วย่อให้เล็กลงได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงลึกก็ได้ รวมถึงแอ็กติงและไดอะล็อกในหลาย ๆ จุดที่ยังดูขัด ๆ แปร่ง ๆ ไปตลอดทั้งเรื่อง สิ่งเหล่านี้ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ ในบางจุด
ถ้ามีการเคี่ยวบทให้เป็นธรรมชาติ ปรับคาแรกเตอร์วัยรุ่นให้ดูเป็นวัยรุ่นจริง ๆ ในยุคนี้ ปรับไดอะล็อกให้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ และปรับลดการนำเสนอที่มีกลิ่นอายและอิทธิพลจากหนังใหญ่ให้น้อยลง น่าจะทำให้หนังเรื่องนี้ไปได้สุดกว่านี้
โดยรวม
ในฐานะผลงานหน้าใหม่จากทีมนักศึกษาล้วนถือว่าพอใช้ ตัวเรื่องมีไอเดียที่พอน่าสนใจ แม้จะไม่ใหม่มาก การเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ในระดับพอน่าติดตามได้ไม่ง่วง แต่ไม่ระทึกขวัญตามแนวที่วางไว้เลย แต่สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ หลายอย่างในเรื่องที่ไม่สมเหตุผลแบบปล่อยผ่านมาได้ยังไง
ซึ่งถ้าเรื่องนี้ไม่มีโค้ชเมนเทอร์ผู้กำกับชื่อดังมาประกอบเครดิต ก็คงพอเข้าใจได้ แต่การที่มีชื่อคุมงานขึ้นโชว์หราแนะนำอยู่ (อดิเรก วัฏลีลา กับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง) คงต้องปัดโทษให้เมนเทอร์รับไปเต็มๆ มากกว่าทีมนักศึกษาที่ทำเรื่องนี้ครับ
สรุป
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องชื่นชมความเป็นออริจินัลไอเดียของน้อง ๆ กลุ่มนี้นะครับ โดยเฉพาะการตีโจทย์ที่ทำได้ค่อนข้างครบถ้วนและสดใหม่ทีเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าตัวบทได้รับการอดนอนมากกว่านี้สักหน่อย น่าจะกลายเป็นหนังระทึกขวัญกลิ่นอายวิทยาศาสตร์สนุก ๆ ที่ทำให้การนอนกลายเป็นความระทึกที่จัดเต็มมากกว่านี้ครับ
Comentarios