รีวิว Chaos Walking - จิตปฏิวัติโลก
หนังหลายเรื่องก็ดัดแปลงบทจากหนังสือขายดี บางเรื่องก็เลือกเล่าเรื่องของโลกดิสโทเปีย แต่ละเรื่องมีส่วนผสมของไซไฟแทรกอยู่ในนั้น ส่วนหนังเรื่องนี้มีทั้งสามอย่าง Chaos Walking หรือ จิตปฏิวัติโลก มุ่งเน้นเป็นหนังแนวผจญภัยผสมไซไฟ เล่าเรื่องโลกอนาคต ที่สร้างจากหนังสือนิยายขายดีผลงานของ Patrick Ness ที่มีสามเล่ม และเรียกมันว่า Chaos Walking Trilogy รีวิว Chaos Walking
เรื่องย่อ
เหตุมันเกิดในโลกใบใหม่ ‘นิวเวิลด์’ ในช่วงเวลาอนาคตหลังจากปัจจุบันไปหลายปี ที่นี่ ป่าไม้พืชพรรณยังหลงเหลืออยู่มากมาย แต่มีความแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงไม่มีแล้ว หลงเหลืออยู่เพียงผู้ชายเท่านั้น
ทอดด์ ฮิววิตต์ (Tom Holland/ทอม ฮอลแลนด์ จากหนัง Spider-Man: Homecoming, Dolittle และ Avengers: Endgame) คือเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดผู้กำพร้าสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก เขาเติบโตขึ้นเมืองๆ หนึ่ง เขาเชื่อมั่นในผู้นำของตนอย่างฝังใจ
เขาได้รับการบอกเล่าจากผู้นำว่า ครั้งหนึ่งเคยเกิดสงครามกับชนเผ่าพื้นเมืองที่คร่าชีวิตผู้หญิงไปทั้งหมด แถมผู้ชายแต่ละคนยังมีอาการอันแปลกประหลาดเหมือนๆ กันด้วยคือมี ‘noise’ หรือ ‘เสียงคิด’ เวลาแต่ละคนคิดอะไรอยู่ในหัว มันออกมาเป็นภาพและเสียง คนอื่นจะได้ยินหมดว่าเราคิดอะไรอยู่
แต่แล้ววันหนึ่ง ทอดด์ ก็ได้พบว่ามียานอวกาศลำหนึ่งตกและเสียหายอยู่ในแถบนั้น ก่อนจะได้รู้ว่ามีผู้รอดชีวิตเป็นผู้หญิง เธอคือ ไวโอลา (Daisy Ridley/เดซี่ ริดลีย์ จากหนังเรื่อง Star Wars: Episode VII – The Force Awakens และ Murder on the Orient Express) เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาได้พบเจอ อีกทั้งเธอยังไม่มีอาการเสียงคิดเหมือนคนอื่นๆ อีกด้วย
แต่การมาของเธอกลับสร้างความแตกตื่นให้กับคนในเมืองแห่งนี้ พวกเขาต่างพยายามไล่ล่าเธอ สิ่งที่ทอดด์ต้องทำไปพร้อมๆ กันก็คือ พาเธอหลบหนีให้พ้นจากเงื้อมมือผู้ชายเหล่านั้น ทั้งยังต้องตามหาสาเหตุของการตายของผู้หญิงทั้งหมด ในขณะที่ความคิดของเขาที่มีต่อไวโอลาคนนี้ก็แทบจะปิดไม่มิด เมื่อมันออกมาทั้งภาพทั้งเสียงชัดเจนเสียขนาดนั้น!
เป็นโปรเจคนึงที่เรียกได้ว่าเปิดกล้องถ่ายทำไปตั้งแต่ปี 2017 สมัยน้อง ทอมฮอลแลนด์ และ เดย์ซี ริดลีย์ เพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ ก็ได้โคจรมาพบกันในหนังดิสโทเปีย ที่สร้างจากหนังสือนิยายชื่อดัง แต่ก็ประสบเคราะห์กรรมมาสาหัสมาก ไม่ว่าจะเป็นการโดนถ่ายซ่อมเยอะแยะมากมายมหาศาล เลื่อนฉายมารอบแล้วรอบเล่า จนในที่สุดปีนี้ก็ได้ฉายจริงๆซักที
นับเป็นหนังไซไฟฟอร์มยักษ์ที่ขอมาประเดิมตลาดหนังปี 2021 เลยก็ว่าได้สำหรับ Chaos Walking โดยพ่วงเครดิตความน่าดูตั้งแต่ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) จาก Spider-Man Far From Home และ เดซี ริดลีย์ (Daisy Ridley) จาก Star Wars : The Rise Of Skywalker
และหนังยังได้ ดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) ผู้กำกับหนังไซไฟฟอร์มล้ำอย่าง Jumper ที่มีแฟนบอยรอคอยการสานต่อเรื่องราวอยู่ไม่น้อยมากุมบังเหียนจนเรียกได้ว่า Chaos Walking แทบจะเต็มไปด้วยคุณสมบัติในการเป็นหนังไซไฟเยี่ยม ๆ เรื่องหนึ่งได้เลยทีเดียว
เนื้อเรื่อง
สำหรับเรื่องราวของหนังจะกล่าวถึงโลกอนาคตที่มนุษย์ได้ย้ายไปยัง “โลกใหม่” ที่มนุษย์ผู้ชายจะมี “นอยซ์” (Noise) หรือเสียงคิดที่ไม่อาจควบคุมได้และมันยังแสดงออกมาเป๋็นภาพความคิดเหมือนโพรเจกเตอร์ฉายภาพเลยด้วยซ้ำ ตัวเอกของหนังคือ ท็อด ฮิวอิต (ทอม ฮอลแลนด์) หนุ่มน้อยที่อาศัยกับคุณพ่อทั้ง 2 คน
ที่วันดีคืนดีเขาได้พบกับวิโอล่า (เดซี ริดลีย์) สาวที่ตกลงมาพร้อมยานอวกาศและเธอยังถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาได้พบอีกด้วย แต่หลังจากเรื่องถึงหู นายกเทศมนตรีเพรนทิส (แมดส์ มิกเคลเซน – Mads Mikkelsen) ท็อดและวิโอลาจำต้องหนีการตามล่าและส่งข่าวถึงผู้อพยพระลอกใหม่ให้ทันเวลา
การดำเนินเรื่องต่างๆ
ยอมรับล่ะว่า ดั๊ก ไลแมน เป็นผู้กำกับที่หยิบจับประเด็นเด่น ๆ ที่น่าสนใจได้เก่งกาจคนหนึ่งของฮอลลีวูดตั้งแต่ผัวเมียสายลับไฝว้กันใน Mr. and Mrs. Smith หรือ มนุษย์ที่สามารถจัมป์ข้ามเวลาและสถานที่ท้าทายกฎฟิสิกส์ใน Jumper กับหนัง Chaos Walking ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเพราะแม้หนังจะสร้างจาก The Knive of Never Letting Go ของ แพทริก เนสส์ (Patrick Ness) ที่มาร่วมเขียนบทดัดแปลงจากผลงานตัวเองด้วย
ทว่าสารสำคัญตั้งต้นของหนังกลับไปโฟกัสที่ท็อด ในฐานะวัยรุ่นจิตวุ่นวายที่ไม่อาจคุมนอยซ์ตัวเองได้และมันก็นำพาปัญหาต่าง ๆ มามากมายรวมไปถึงการเอานอยซ์มาเป็นเครื่องมือในการเปิดเปลือยสภาพสังคมการเมืองที่มันส่งให้นายกเทศมนตรีเพรนทิสผู้ควบคุมนอยซ์ตัวเองได้ดีกว่าคนอื่น
เป็นใหญ่ในสังคมชายเป็นใหญ่และมันยังสร้างตัวละครที่สุดขั้วอย่างแอรอน (เดวิด โอเยโลโว – David Oyelowo)ที่เรียกตัวเองว่าบาดหลวงคอยแพร่คำสอนเรื่องวันสิ้นโลกผ่านนอยซ์ที่ตัวเองภูมิใจประหนึ่งเดินแก้ผ้าโทง ๆ ด้วยความภูมิใจในความเป็นชายชาตรีซึ่งทำให้เห็นเลยว่าท็อดที่ใช้ชีวิตในเพรนทิสทาวน์มีสังคมที่เป็นมลพิษเพียงไหน
ปัญหา
แต่ปัญหาของหนังก็เลี่ยงไม่ได้ล่ะเพราะพอผู้กำกับไปเน้นกิมมิกล้ำ ๆ อย่างดูหนังออนไลน์ เรื่องนอยซ์เป็นภาพควัน ๆ เล่นวิชวลเอฟเฟกต์แต่ดันไม่อธิบายอะไรเลยทั้งเรื่องการมาถึงของมนุษย์ระลอกแรก การเมืองเรื่องเพศหญิงเพศชายหรือกระทั่งเอเลียนเจ้าถิ่นที่เคยถูกเคลมว่าเป็นคนคร่าชีวิตแม่ของท็อดไปตอนเด็ก
ซึ่งพอสิ่งเหล่านี้มาปรากฎในหนังตามรายทางเลยอดไม่ได้ที่คนดูจะรู้สึกว่ามันไม่เมคเซนส์และดูเป็นการยัดเยียดเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแม้ว่ามันจะทำให้หนังตื่นเต้นมากขึ้นและทำให้หนังดู “มีอะไร” มากกว่าแค่หนังที่มีผู้ชายจิตเจี๊ยวจ๊าวก็ตาม
เคมีที่ดีระหว่าง ทอม ฮอลแลนด์ กับ เดซี่ ริดลีย์
แต่กระนั้นสิ่งที่หักคะแนนไม่ได้เลยคงหนีไม่พ้นการแคสติงนักแสดงที่หนังเรียกได้ว่า “ตอบถูกทุกข้อ” ทั้งทอม ฮอลแลนด์ที่ถ่ายทอดความเป็นหนุ่มจิตวุ่นวายที่เหมือนเปลือยภาพคิดต่อหน้าหญิงสาวจนเต็มไปด้วยความลักลั่นความเคอะเขินจนน่าจะถูกใจแม่ยกหนุ่มสไปดี้อย่าง “น้อนทอม” ไม่น้อยซึ่งต้องยอมรับตามตรงว่าถ้าไม่ใช่ฮอลแลนด์ถ่ายทอดแล้วคาแรกเตอร์ที่มีเสียงคิดเจี๊ยวจ๊าวตลอดเวลาอาจดูน่ารำคาญก็เป็นได้
ส่วนเดซี ริดลีย์แม้ภาพแรกที่ปรากฎจะแทบลอกลายลุคของเรย์ในมหากาพย์ Star Wars มาชัดไปหน่อยแต่พอเข้าเรื่องราวจริง ๆ เธอก็สามารถสร้างเสน่ห์ให้คาแรกเตอร์ของเธอได้โดดเด่นไม่น้อยเลยรวมถึงแมดส์ มิกเคลเซนที่รับบทนายกเทศมนตรีได้น่ากลัวจริง ๆ ส่วนน้องหมาจอมขโมยซีนสร้าง “ความงุ้ย” และเรียกเสียงหัวเราะได้ดีทีเดียว
ความที่เว็บดูหนัง หนังเล่าด้วยตัวละครสองตัวที่ต้องเดินทางไปด้วยกันอยู่เกือบตลอด ทำให้ได้เห็นการแสดงรับส่งของทั้ง ทอม และ เดซี่ มากเป็นพิเศษ และทั้งสองก็ทำได้ดี ได้เห็นความเวิ่นเว้อในจิตใจของทอดด์ผู้ที่มีเสียงคิดดังอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ คิดอะไรก็ออกมาหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งการมโน
ไอเดียในการหยิบเรื่องความคิดในหัวที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง เป็นเรื่องที่น่าสนใจ สมองของคนเราจะคิดนู่นนี่นั่นทันทีเมื่อพอเจอเหตุการณ์ แต่จะพูดออกมาเพียงบางประโยคที่ผ่านการกลั่นกรองมาระดับหนึ่งแล้ว การที่ความคิดถูกปลดปล่อยออกมาเป็นเสียงและภาพ ทำให้ผู้อื่นรู้เห็นหมดว่าเราคิดอะไรอยู่บ้าง ไม่เว้นแม้แต่การนึกภาพในอดีต ซึ่งนั่นก็ทำให้คนอื่นล่วงรู้ถึงปมความรู้สึกในใจของเราด้วยเช่นกัน
จะมีที่น่าเสียดายจริง ๆ คือกรณีของนิก โจนาส (Nick Jonas) ที่มารับบทเดวี เพรนทิส ลูกชายของนายกเทศมนตรีและเป็นไม้เบื้อไม้เมากับท็อดที่บทของเขาดูจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากทำตัวโง่ ๆ ให้คนดูสาปส่งเฉย ๆ รวมถึง เดวิด โอเยโลโว นักแสดง
โดยรวม
โดยภาพรวมแล้ว Chaos Walking สามารถจับคอนเซปต์สุดโต่งหรือ High Concept มาเล่าได้สนุกสนานดีแถมยังเอนเตอร์เทนคนดูแบบไม่ทิ้งช่วงไม่ปล่อยเดดแอร์ให้เบื่อเลยเพียงแต่มันขาดการบอกเล่าบริบทแวดล้อมที่จะช่วยให้คนดูปะติดปะต่อเรื่องราวให้สมเหตุสมผลมากเกินไปหน่อย
แต่ต้องยอมรับว่าทีมนักแสดงสามารถประคองหนังได้ตลอดรอดฝั่งจริง ๆ แถมมันยังเป๋็นโพรแกรมหนังฝรั่งฟอร์มดีที่เรารอมานานแสนนานเหลือเกินที่จะได้กลับไปดูหนังในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง
สรุป
สรุปแล้วอาจจะเพราะด้วยความที่มันเป็นหนังเปิดไตรภาค มันจึงดูเน้นการปูเรื่องราวที่เต็มไปด้วยคำถาม และข้อสงสัย ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่ ไม่ได้เซอร์ไพรส์หรือหนีไปจากตัวอย่างเลย เนื้อเรื่องมันเลยเหมือนย่ำอยู่กับที่
แต่สิ่งที่ทำให้ดูต่อได้คือคู่พระ-นางที่แลดูเคมีเข้ากันดี เล่นได้เป็นธรรมชาติ เอาจริง ๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นหนังโรแมนติกในยุค Dystopia แล้วจับบทแบบนี้ให้สองคนนี้เล่นก็คงจะยังสนุกอยู่และน่าสนใจไม่น้อย
Comments