รีวิว Below Zero - จุดเยือกเดือด
หลีกหนีจากภาพยนตร์ภาษาอังกฤษไปหาหนังที่พูดภาษาสแปนิชกันดูบ้าง เรื่องราวที่เล่าในหลากหลายหมวดหมู่ผสมกัน ทั้งแอคชัน ผจญภัย อาชญากรรม และระทึกขวัญ ของตำรวจคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาที่ใหม่ ขับรถขนย้ายนักโทษ ก่อนจะเจอดีท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวจับจิต Below Zero จุดเยือกเดือด ภาพยนตร์ที่ลงเน็ตฟลิกซ์ให้ได้ดูออนไลน์กัน รีวิว Below Zero
เรื่องย่อ
มาร์ติน ซาลาส (Javier Gutiérrez จากหนังเรื่อง Assassin’s Creed) ตำรวจนายหนึ่งจากสถานีตำรวจเขตเหนือ เขาทำหน้าที่เป็นคนขับรถขนย้ายนักโทษ และวันนั้น หน้าที่ของเขาคือการขับรถพานักโทษ 6 คนไปยังทัณฑสถานแห่งใหม่อย่างรอบคอบและปลอดภัย
เขาเดินไปพร้อมกับมอนเตซิโนส (Isak Férriz) คู่หูคนใหม่ บนรถขนนักโทษที่มีระบบแน่นหนากันนักโทษแหกออกมา และมีรถเก๋งของตำรวจอีกคันคอยนำทาง แต่เขาไม่รู้เลยว่า ภารกิจแรกนี้จะกลายเป็นความยุ่งเหยิงอย่างสิ้นเชิง
เมื่อรถผ่านมาถึงกลางทาง ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บถึงจุดเยือกแข็ง ที่สถานการณ์กลับร้อนระอุเมื่อมีคนร้ายวางกับดักขวางให้รถยางแตก ก่อนซุ่มดักยิงคู่หู ขณะที่นักโทษภายในรถก็กำลังคิดก่อเหตุหลบหนี
นักโทษที่มีหัวหอกตัวป่วนอย่าง รามิส (Luis Callejo จากหนังเรื่อง Risen) อยู่ในกลุ่ม ความที่เข้าออกคุกมาหลายหนคงทำให้เริ่มชำนาญ แต่เมื่อได้รู้เหตุผลของคนก่อเหตุ มาร์ตินจึงพยายามเอาตัวให้รอดทั้งจากคนก่อเหตุข้างนอกนั่น กับกลุ่มนักโทษที่อยู่ในรถ
หลีกหนีจากภาพยนตร์ภาษาอังกฤษไปหาหนังที่พูดภาษาสแปนิชกันดูบ้าง เรื่องราวที่เล่าในหลากหลายหมวดหมู่ผสมกัน ทั้งแอคชัน ผจญภัย อาชญากรรม และระทึกขวัญ ของตำรวจคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาที่ใหม่ ขับรถขนย้ายนักโทษ ก่อนจะเจอดีท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวจับจิต Below Zero จุดเยือกเดือด ภาพยนตร์ที่ลงเน็ตฟลิกซ์ให้ได้ดูออนไลน์กัน
ผลงานการกำกับของ Lluís Quílez ชาวบาร์เซโลนาที่เคยกำกับหนังเรื่องยาวเพียงเรื่องเดียว อย่าง Out of the Dark ในปี 2014 นอกนั้นเป็นหนังสั้น
เนื้อเรื่อง
นายตำรวจดวงซวยที่เพิ่งย้ายมาประจำการที่สำนักงานตำรวจแห่งใหม่ แต่วันแรกเขาก็ได้รับหน้าที่ในการขนย้ายนักโทษจากเรือนจำไปยังอีกพื้นที่ แต่ระหว่างเดินทางรถขนนักโทษก็โดนโจมตีจากบุคคลลึกลับ ความลับบางอย่างกำลังจะเปิดเผยออกมา
มาร์ติน คือนายตำรวจ (ฆาเวียร์ กูร์ติเนซ) ที่เพิ่งถูกโยกย้ายมาประจำการที่สำนักงานตำรวจแห่งใหม่ เขาถูกมอบหมายให้ขนย้ายนักโทษจากเรือนจำ
ซึ่งบรรดานักโทษแต่ละคนวีรกรรมก็ไม่ธรรมดา ตั้งแต่อันธพาล นักต้มตุ๋น พ่อค้ายาเสพย์ติด นักการเมืองฉ้อโกง โดยระหว่างที่เคลื่อนย้ายนักโทษนั้นมีจะมีตำรวจนายอื่น ร่วมเดินทาง แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่เดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง
รถขนนักโทษของพวกเขาก็ถูกลอบโจมตีส่งผลให้รถเสียหลักจอดแน่นิ่งอยู่กลางป่าลึก หลังจากนั้นตำรวจนายอื่นๆ ก็ถูกมือปืนลึกลับโจมตีจนเสียชีวิต เหลือแค่เพียงมาร์ตินที่ต้องคุมสถานการณ์ให้ได้
เหมือนหนีเสือปะจระเข้เพราะฝั่งนักโทษเองก็เตรียมที่จะหาโอกาสหลบหนีอยู่ มาร์ตินจึงถูกเหล่านักโทษทำร้าย แต่ด้วยสถานการณ์ที่ล่อแหลมทำให้ทุกคนหลบอยู่แต่ในรถขนย้ายนักโทษที่สามารถกันกระสุนได้ แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ถูกลอบโจมตีด้วยวิธีบางประการที่เล่นเอาคนดูเหวออยู่ไม่น้อย
การดำเนินเรื่อง
จุดเยือกเดือด แอ็คชั่นไล่ล่ากับพล็อตเรื่องหนังใหม่เต็มเรื่องที่เล่นกับสถานที่เฉพาะและห้องปิดตาย โดยเรื่องนี้ต้องบอกว่านำเสนอได้แปลกใหม่ กับการเอาตัวรอดในรถขนส่งนักโทษ ทั้งรับมือกับนักโทษไม่ให้ตัวเองตาย พร้อมรับมือบุคลปริศนาที่พยายามทำอะไรบางอย่าง เขาต้องการช่วยนักโทษแหกคุก? หรืออะไรกันแน่ต้องไปติดตามชมในเรื่อง
เรื่องราว ว่าด้วยนายตำรวจมาร์ติน ที่เพิ่งได้รับคำสั่งให้ขนย้ายนักโทษตัวแสบจำนวนหนึ่ง ทั้งนักขโมยของ อันธพาลตัวเป้ง อดีตนักการเมืองหนีภาษี และอีกหลายๆ คน และมาร์ตินจะเป็นคนขับรถนักโทษ แต่แล้วก็เกิดการซุ่มโจมตี ทำให้เหลือตำรวจเพียงแค่มาร์ตินคนเดียว
เขาต้องพยายามคุมสถานการณ์ กับพวกนักโทษที่พยายามจะฉวยโอกาสหลบหนีให้พวกเขาหนีไม่ได้ด้วยตัวคนเดียว พร้อมทั้งรับมือกับบุคลปริศนาที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร หรืออยู่ฝ่ายไหน พวกนักโทษเองก็ต้องพยายามหาทางหลบหนีและเจรจากับบุคลปริศนาให้ช่วยด้วย
พล็อตเรื่องเว็บหนัง HD ของหนังแนวทริลเลอร์แอ็คชั่นนั้น โดยทั่วไปแล้วมันจะไม่ล้ำลึก พลิกหักมุมหลายตลบมา ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนกัน กับพล็อตเรื่องที่ค่อนข้างตื้น และตรงไปตรงมา แต่ว่าการนำเสนอหรือการเล่าเรื่องทำออกมาได้ดี
จังหวะการเฉลย การวางปมที่ค่อยๆ คลายทีละนิด ประกอบกับความกดดันที่ชวนลุ้นตัวโก่งทำให้เรื่องนี้น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ จะมีช่วงเกริ่นและช่วงเนิบๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงแรก แล้วก็เดือดยาวยันจบไปเลย มีช่วงให้พักหายใจบ้างเล็กน้อย
ความลุ้นระทึก
ความสนุกของ Below Zero คือตัวหนังเองให้อารมณ์ของหนังสยองขวัญแนวฆาตกรโรคจิตที่ไล่ฆ่าเหยื่อ ในขณะเดียวกันในกลุ่มเหยื่อด้วยกันเองก็ยังมีใครบางคนซุกซ่อนความลับบางอย่างไว้ อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้มือปืนออกตามล่า
ซึ่งคนดูก็ต้องพยายามคาดเดาไปต่างๆนานาว่าตกลงแล้วใครจะเหลือรอดเป็นรายสุดท้าย แล้วความลับของตัวละครคนนั้นคืออะไรกัน มิหนำซ้ำระหว่างทางหนังก็ยังกำจัดตัวละครบางตัวทิ้งไปแบบที่เราเองก็คาดไม่ถึง
ความลุ้นระทึกแรกก็คือ การที่ตัวเอกเป็นตำรวจที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว ต้องพยายามรับมือกับคนที่โจมตีรถ ไม่พอ เขาต้องคุมนักโทษให้อยู่ในความสงบ แต่นักโทษที่เขาขนมาก็มีแต่พวกตัวแสบๆ ทั้งนั้น
มันจึงทำให้นักโทษแหกห้องขังภายในรถได้ ซึ่งมันจะมีการเจรจา รวมถึงการพลิกฝั่งของนักโทษบางคน ที่จะค่อยๆ เฉลยปมที่เกี่ยวกับบุคลที่โจมตีรถออกมา
ระทึกที่สอง บุคลปริศนาที่โจมตีรถ เขาไม่ได้จะพานักโทษบางคนแหกคุกแต่ต้องการนักโทษบางคน ทำให้การหนีของนักโทษข้างในรถไม่ได้เป็นตามคาด จนทำให้รถคุกกลายเป็นห้องปิดตาย ไม่มีใครออกไปได้ ไม่มีใครเข้ามาได้
และบุคลปริศนานี้ดูเหมือนจะบ้าพอตัว จากที่เห็นในตัวอย่าง เขาฆ่าไม่เลือกฝ่าย รวมไปถึงจุดไฟเผานักโทษสดๆ ในรถอีกด้วย ทำให้พวกนักโทษต้องเลือกว่าจะร่วมมือกับตำรวจหรือเชื่อคนนอกดี
ระทึกที่สาม ความหักมุมและความตายที่คาดไม่ได้ ในเรื่องนี้มีหลายวิธีการตายของทั้งนักโทษ และของตำรวจที่เซอร์ไพรส์ให้เรา บางฉากก็ทำให้รู้สึกเสียวไส้ได้พอสมควร และการใส่พล็อตเรื่องที่หักมุมชวนให้ลุ้นตามของฝั่งตำรวจ รวมไปถึงปมปริศนาและแรงจูงใจของผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นๆ นี้
ด้านฉากแอ็คชั่น
แต่ด้านความเป็นหนังแอ็คชั่น ทริลเลอร์ ไล่ล่า เอาตัวรอดในพื้นที่จำกัด ข้อนี้หนังทำออกมาได้ดีสุดๆ ทำให้คนดูขมวดคิ้วลุ้นตามไปด้วยเลยว่าตัวเอกจะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร นักโทษแต่ละคนจะทำแบบไหน
เพราะเหตุการณ์มันค่อนข้างวุ่นวาย นักโทษบางคนต้องการจะแหกรถคุกออกไป แต่อีกคนกลับไม่อยากออกจนกลืนกุญแจลงท้อง ทำให้ทุกคนทั้งนักโทษละตำรวจถูกขังด้วยกัน และต้องทำตามเงื่อนไขของบุคลปริศนาที่คอยควบคุมข้างนอกและขับรถท่ามกลางอุณหภูมิหนาวเหน็บอีกด้วย
แต่ตรงนี้ก็น่าเสียดายที่ชื่อหนังก็คือจุดเยือกเดือด แต่ไม่ได้ใส่อุปสรรคความหนาวเย็นมาทำให้เรื่องกดดันเท่าไหร่ มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่โดยรวมมันก็ยังพอเข้าธีมกับชื่อหนังได้อยู่โดยเฉพาะในตอนท้ายของเรื่องกับการเอาตัวรอดของตำรวจและนักโทษ
ในตอนท้ายสุด หนังจะนำเสนอและเล่นกับศีลธรรมของตัวละครเอก รวมไปถึงคนดู ซึ่งถ้าใครโฟกัสกับตัวเรื่องดีๆ ก็จะพอเดาได้ แต่จังหวะการเฉลย การพลิกบท หักมุม ต้องยกให้จริงๆ แม้มันจะไม่ได้พลิกหักมุมแบบ เฮ้ย เอาอย่างนี้เหรอ แต่การพลิกหักมุมของมันจะเป็นแบบทำให้เราใจเต้น ลุ้นว่าตัวเอกจะคิดในแบบที่เราคิดหรือเปล่า
และอีกอย่างที่ต้องขอชมเลยก็คือด้านงานภาพกับ CG ที่เนียนตา ช่วยเสริมให้มันกลายเป็นหนังที่ดีได้ (หนังเรื่องนี้ 18+ มีทั้งฉากตายโหดๆ ยิงมือหลุด รวมไปถึงเห็นอวัยวะเพศชายด้วย)
โดยรวม
โดยรวมนั้น ทางด้านเนื้อเรื่องของเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก เพียงแต่มันใส่เข้ามาได้ถูกจังหวะ ค่อยๆ เฉลยปมของเรื่อง ซึ่งถ้ามองดูจริงๆ ตัวละครแต่ละตัวโดยเฉพาะตัวเอกของเรา เราแทบไม่ได้รู้สึกลุ้นให้เขาอยู่รอดเท่ากับนักโทษบางคน ที่เป็นตัวป่วน
และเรารู้สึกว่าเขามีปูมหลังที่ชวนติดตามมากกว่าตัวเอกที่เป็นตำรวจเสียอีก แต่การเลือกนำเสนอด้านเนื้อเรื่องของเรื่องนี้มันน่าจะตรงใจกับคนส่วนใหญ่ ที่มันจะเกี่ยวกับความเน่าเฟะของระบบยุติธรรมของกฏหมายที่ใส่มาในเรื่อง
มีทั้งเรื่องศีลธรรมและความถูกต้องสอดแทรกเข้ามาและมันก็ทำได้ดีไม่น้อย แต่อย่างที่บอกว่า องค์รวมของเนื้อเรื่องถ้ามองดูจริงๆ มันตื้น แทบไม่มีอะไรเลย ข้อดีของมันก็คือดูง่าย เสพง่าย
แต่ข้อเสียก็คือในบางจุด เราไม่ได้ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครเท่าที่ควร คือยังไงก็คิดในใจได้ว่าตัวเอกยังไงมันก็รอด แต่อยากให้หาอะไรใส่เพิ่มให้มันน่าลุ้นกว่านี้อีกนิดหนึ่งจะดีกว่า
สรุป
แม้ว่าพล็อตเรื่องแนวสถานที่จำกัดและห้องปิดตาย มาในธีมของรถขนส่งนักโทษ ด้านเนื้อเรื่องอาจจะดูตื้นไปหน่อย แต่เพราะมันไม่ใช่หนังดราม่า ส่วนเนื้อเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องเจาะลึก ซึ่งมันจะทดแทนด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่ชวนลุ้น ชวนติดตาม ไปพร้อมกับฉากไล่ล่ามันส์ๆ
ฉากเอาตัวรอดที่ชวนให้หายใจติดขัด ขมวดคิ้ว ใจเต้นตุบๆ ได้ รวมไปถึงการพลิกหักมุมในบางตอนที่ไม่หวือหวา แต่เป็นสีสันชวนให้กดดัน ใครที่กำลังหาหนังมันส์ๆ ขอบอกเลยว่าอย่าพลาดเรื่องนี้ สเปนเขาทำหนังออกมาได้ดีจริงๆ
Comments