รีวิว Army of the Dead - แผนปล้นซอมบี้เดือด
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ ผู้กำกับ Zack Snyder ที่กำกับหนังจักรวาล DC กับ Justice League นอกจากนี้ยังเป็นการกลับมาจับหนังแนวซอมบี้ครั้งแรก นับตั้งแต่ Dawn of the Dead ฉบับรีเมก หนังที่แจ้งเกิดให้กับเขาเอง ซึ่งแซ็คยืนยันว่าการกลับมาทำหนังซอมบี้ในคราวนี้ ย่อมไม่เหมือนเดิม เพราะเขาหวังจะสร้างจักรวาลของมันขึ้นมา! รีวิว Army of the Dead
เรื่องย่อ
แม้ว่าลาสเวกัสจะกลายเป็นแดนซอมบี้ร้างผู้คน แต่กลุ่มทหารรับจ้างบ้าเลือดก็ยังตัดสินใจเดินทางไปแสวงโชคในแดนพนัน ด้วยแผนจารกรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
หลังจากใช้เวลาสร้างหนังเล่าเรื่องราวในจักรวาล DC อยู่นานนับ 10 ปี ในที่สุดผู้กำกับวิสัยทัศน์กว้างไกลอย่าง แซ็ค สไนเดอร์ ก็กลับมาทำหนังที่สร้างจากบทภาพยนตร์ออริจินัลของเขาเองอีกครั้ง (นับตั้งแต่ Sucker Punch เมื่อทศวรรษก่อน) กับ Army of the Dead นอกจากนี้ยังเป็นการกลับมาจับหนังแนวซอมบี้ครั้งแรก
นับตั้งแต่ Dawn of the Dead ฉบับรีเมก หนังที่แจ้งเกิดให้กับเขาเอง ซึ่งแซ็คยืนยันว่าการกลับมาทำหนังซอมบี้ในคราวนี้ ย่อมไม่เหมือนเดิม เพราะเขาหวังจะสร้างจักรวาลของมันขึ้นมา และซอมบี้ในหนังเรื่องนี้ก็พัฒนาไปไกล ไม่ได้ Slow Life แบบก่อนๆ หรือไม่ได้มีแต่ซอมบี้มนุษย์ด้วยซ้ำ !?
หลังจากต้นปี 2021 แซค สไนเดอร์ (Zack Snyder) สร้างความฮือฮากับโปรเจกต์มหาชนอย่าง ‘Zack Snyder’s Justice League’ ที่ได้กลายเป็นคอนเทนต์เด็ดของเอชบีโอ แม็กซ์ (HBO MAX) ไปแล้วก็ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ รอนาน
แต่คราวนี้สไนเดอร์ไม่ได้มากับยอดมนุษย์คนไหนและไม่ได้พะยี่ห้อดีซี (DC) ตอนต้นเรื่องแต่กลับเป็นการย้อนสู่รากเหง้าอย่างหนังซอมบี้ที่มี ‘Dawn of the Dead’ หนังเปิดทางอาชีพผู้กำกับหนังที่น่าจับตามองให้เขาเมื่อปี 2004
แต่แน่นอนว่า 17 ปีผ่านไปหนังซอมบี้ได้ถูกตัดปะเอาไปผสมแนวต่าง ๆ จนแทบไม่มีจุดให้ดิ้นหรือฉีกแนวไปทำอย่างอื่นได้แล้วดังนั้น Army of the Dead เลยกลายเป็นงานที่ท้าทายสไนเดอร์ไม่น้อยเลยทีเดียวว่าคนที่เคยปลุกกระแสดูหนังออนไลน์ซอมบี้เมื่อร่วม 2 ทศวรรษก่อนจะมีแง่มุมอะไรใหม่ ๆ มาบอกเล่าในหนังซอมบี้รวมทีมปล้นเรื่องนี้
เนื้อเรื่อง
หนังจะเล่าถึง สก็อต วอร์ด (เดฟ บอทิสตา – Dave Bautista) อดีตทหารรับจ้างที่ปัจจุบันกลายเป็นพ่อครัวในร้านอาหารที่วันดีคืนดีเขาก็ได้รับงานจาก บลาย ทานากะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ – Hiroyuki Sanada) เศรษฐีที่เสนอเงินก้อนโตแลกกับการพามาร์ติน (แกร์เร็ต ดิลลาฮันต์ – Garret Dillahunt)
คนของเขาไปที่ลาส เวกัสเพื่อขนเงินสดก้อนโตจากตู้เซฟในคาสิโนก่อนรัฐบาลจะปูพรมทิ้งระเบิด งานนี้เขาได้รวมทีมระดับพระกาฬอาทิ มาเรีย ครูซ (อนา เด ลา เรกูเอรา – Ana De La Reguera) อดีตคนรัก เคต วอร์ด (เอลลา เพอร์เนล – Ella Purnell) ลูกสาวที่เขาห่างเหินมานาน ลิลลี (นอรา อาร์เนเซเดอร์ – Nora Arnezeder) ไกด์หญิงสุดแกร่ง
และสหายศึกสุดระห่ำฝ่าดงซอมบี้ในลาส เวกัส แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดนอกเหนือจากเหล่าซอมบี้ที่มีความฉลาดและระบบสังคมที่ซับซ้อนแล้วบางทีแผนปล้นครั้งนี้อาจแฝงอันตรายจากมนุษย์ด้วยกันเองก็เป็นได้
การเล่าเรื่อง
หนังเล่าเรื่องราวเมื่อเหตุการณ์ซอมบี้เกิดระบาดในเมืองคนบาปอย่าง ลาสเวกัส เมื่อทุกอย่างควบคุมไม่ได้ คนทั้งเมืองกลายเป็นผีดิบ รัฐบาลสหรัฐฯเลยจัดการตีวงแคบด้วยการให้ตู้คอนเทนเนอร์มาสร้างกำแพงล้อมรอบเมืองเอาไว้
และวางแผนจะระเบิดมันให้สิ้นซาก แต่ก่อนที่นิวเคลียร์จะทำลายล้างเมืองนี้ แก๊งของพระเอก อดีตทหารฝีมือเยี่ยมก็ถูกมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นว่าจ้าง ให้ฝ่าดงซอมบี้เข้าไปในเวกัส เพื่อไปงัดตู้เซฟของเขาเองในคาสิโนแห่งหนึ่ง และนำเงิน 200 ล้านเหรียญฯออกมาให้ได้
แน่นอนว่าการปล้นคาสิโนรอบนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแล แต่พวกเขาต้องเผชิญกับกองทัพผีดิบ อีกทั้งยังต้องแข่งกับเวลา รีบฝ่าดงผีดิบออกมา ก่อนที่ทั้งพวกเขาและเหล่าซอมบี้จะระเบิดเป็นจุล
ซอมบี้ในเรื่อง
ธีมซอมบี้ในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแนวสยองขวัญตามซีรี่ย์ Netflixปกติ แต่เป็นกึ่งตลกร้าย ซึ่งการเลือกสถานที่อย่างลาสเวกัสให้เป็นแหล่งดงซอมบี้ที่พวกตัวเอกต้องบุกเข้าไปก็เป็นอะไรที่เหมาะเจาะมากๆ กับการใส่มุกแนวตลกร้ายลงไปแบบไม่ต้องดัดแปลงอะไรมาก
ซึ่งเปิดเรื่องมาเราก็จะได้เห็นฉากกำเนิดลาสเวกัสซอมบี้ ที่อลม่านชวนฮาแบบเลือดสาด เมื่อผู้คนกำลังแจ็คพ็อตกับคาสิโนแต่โดนซอมบี้บุก ฉากเปิดนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของเรื่องที่บอกเล่าผู้ชมทันทีว่า
นี่เป็นธีมซอมบี้ติดตลกมากกว่าสยองขวัญตรงๆ ซึ่งหนังก็ใช้ช่วงนี้เล่าที่มาแบบรวบรัดของทีมพระเอกที่มีอยู่ก่อนแล้ว และหนีออกมาได้บางส่วน แต่ชีวิตหลังจากนั้นกลับตกต่ำ และยังลืมฝันร้ายที่เกิดขึ้นในนั้นไม่ลง
จุดเด่น
ส่วนนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นฉากเปิดเรื่องสวยๆ สไตล์แซ็คที่มีครบทุกอย่าง ทั้งฉากเลือดสาด สโลวสวยๆ อาร์ทๆ ประกอบเพลงแบบที่แซ็คชอบทำ และเป็นช่วงที่ครีเอทออกมาดีที่สุดในหนังก็ว่าได้
เหตุที่ต้องบอกว่าฉากช่วงแรกคือฉากที่ครีเอทสุดก็เพราะหลังจากนั้นเรื่องไม่ได้กลับมาสไตล์นั้นแล้ว แม้ยังจะมีติดตลกอยู่บ้าง หนังเลือกเล่าอย่างไวว่าพระเอกรวมทีมกลับมาพร้อมสมาชิกใหม่ แต่การกลับมาครั้งนี้ซอมบี้ในลาสเวกัสเปลี่ยนไปอย่างมาก
ซอมบี้แบบใหม่
ซึ่งนี่คือส่วนที่แซ็คเองอยากขายไอเดียใหม่ๆ ให้กับซอมบี้ และก็รีบเปิดเนื้อหาส่วนนี้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ทีมพระเอกย่างเข้าลาสเวกัส เมื่อซอมบี้ในลาสเวกัสมีระบบชนชั้น มีตัวราชา ราชินี มีรูปแบบการสร้างพวกพ้องแบบพิเศษให้กลายเป็นซอมบี้ที่มีความสามารถใหม่ๆ
หลายอย่าง เช่น การหลบหลีกการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว การมีสติรับคำสั่งจากตัวราชาได้ มีพิธีสังเวยเหยื่อ มีเสือซอมบี้ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของตัวราชา ซอมบี้ขี่ม้าได้ ใส่หมวกเหล็กกันกระสุนได้ มีตึกที่เป็นเหมือนพระราชวังของราชา
และบางอย่างก็เป็นความลับเบาๆ ของเรื่องนี้ที่ใส่มาค้างไว้ยังไม่มีต่อ แต่ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่บรรเจิด และอยากเห็นว่าภาคต่อไปแซ็คจะหยิบมาใช้หรือไม่
ฉากบู้ระห่ำต่างๆ
แต่แซ็คเองก็ไม่ได้โฟกัสไปที่ซอมบี้แบบใหม่ล้วนๆ ในเรื่องก็ยังคงต้องเจอกับซอมบี้รูปแบบเก่า พวกที่ไม่ได้อยู่ในระบบชนชั้น เป็นซอมบี้ที่จำศีลในลาสเวกัส จนเมื่อทีมพระเอกไปปลุกมันขึ้นมาก็กลายเป็นฉากแอ็กชั่นระห่ำกลางเรื่อง
แต่บทไม่ได้ตกอยู่กับ เดฟ บอติสตา เพียงคนเดียว ตัวเรื่องกระจายให้สมาชิกในทีมมีฉากต่อสู้ที่ดูมีเนื้อมีหนังเต็มๆ อย่างคู่หูสายโซเชียลที่มาเพื่อปั้มยอดวิว ที่เป็นสีสันของเรื่อง แต่ก็ได้ฉากบู้ระห่ำเต็มๆ ยาวอยู่เหมือนกัน
แต่ด้วยความที่ตัวละครมีเยอะ บางอย่างที่คนดูคาดว่าจะเห็นอย่างทหารผิวดำคู่หูพระเอกที่ใช้เลื่อยยนต์เป็นอาวุธสังหารในตอนแรก มาตอนนี้กลับไม่ได้เห็นอะไรอย่างนั้น ทั้งๆ ที่มีฉากที่ไปขุดเลื่อยกลับมา แต่กลับใช้แต่ปืน
ซึ่งตัวละครในทีมพระเอกเก่ากลับไม่ค่อยได้บทบาทอะไรมากอย่างที่คิด ตัวสำคัญกลับเป็นคนใหม่ที่พึ่งเข้ามาแทบทั้งนั้น อย่างนักเจาะตู้เซฟ ซึ่งดูเหมือนอ่อนแอ แต่ก็กลายเป็นตัวละครที่มีสีสันมากคนหนึ่ง
คนนำทางที่กลายมาเป็นตัวละครสำคัญกุมความลับของเรื่องไว้ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเซอร์ไพรส์มาก เพราะหนังแนวซอมบี้เคยมีไอเดียแนวๆ นี้ให้เห็นมาตลอดอยู่แล้ว
ปมดราม่าพ่อลูก
นอกจากซอมบี้แล้ว ตัวเรื่องเจือปนดราม่าพ่อลูกที่มีปมมาจากแม่ที่เป็นซอมบี้ถูกพ่อจำใจฆ่ามาตลอดทาง ซึ่งทำให้บท Scott Ward ที่ เดฟ บอติสตา เล่นได้มีโอกาสแสดงฝีมือการแสดงนอกจากฉากแอ็กชั่นขายหุ่นหมียักษ์ของเขา
และก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยเมื่อเดฟสามารถเล่นบทพ่อที่มีความฝันเล็กๆ อยากเปิดร้านอาหารมีความสุขกับลูก และพยายามคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำให้สำเร็จได้ยังไง ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลับมารับงานนี้อีกครั้ง
เดฟเล่นได้ไม่มาก ไม่น้อย ออกมากำลังดีพอทำให้อินเล็กๆ แต่ต้องบอกว่าตัวลูกสาวเองกลับเป็นส่วนที่ทำให้เรื่องดูน่ารำคาญจากความไม่สมเหตุผล เป็นตัวละครแนว “ต้องโง่” ที่หนังประเภทนี้ชอบใส่มาเป็นสูตรสำเร็จ ถ้าฉลาดเดี๋ยวไม่มีเรื่องให้ไปต่อได้ทำนองนั้น
ซึ่งการที่ตัวลูกสาวต้องรับบทนี้ เลยทำให้ดราม่าที่เดฟพยายามส่งตลอดเรื่องดูไม่สุด จนถึงฉากสุดท้ายที่เราต้องอินกับดราม่าจุดจบนี้ กลับกลายเป็นความรู้สึกเสียดายตัวละครมากกว่าจะอินไปกับดราม่าที่เกิดขึ้น
จุดด้อย
แม้เรื่องจะดูสนุกเพลินๆ ดีตลอดเรื่อง แต่ก็ต้องบอกว่ามีหลายจุดที่เรื่องออกแนวพล็อตโฮล ขาดเหตุผลอธิบาย หรือใส่มาเพื่ออะไรอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะซอมบี้แบบใหม่ตัวราชาที่พูดก็ไม่ได้ แต่พยายามแสดงออกทางอารมณ์แบบมนุษย์
ซึ่งแม้เราจะเข้าใจสิ่งที่แซ็คพยายามครีเอทซอมบี้แบบใหม่เข้ามา แต่บางอย่างก็ดูใส่มาแบบล้นๆ อย่างความลับของตัวราชินี หรือการเก็บคนไว้ไม่กัด ก็ไม่มีเหตุอธิบายออกมาชัดเจน เรียกว่าอะไรหลายๆ อย่างที่นิวซอมบี้แสดงให้ดูแทบไม่มีคำอธิบายในเรื่องได้ชัดเจนเลย
หรือแม้แต่ที่มาของเจ้าตัวนี้ก็ไม่มีอธิบาย มีแต่ฉากเปิดตัวที่มากับรถทหารในตอนแรกเท่านั้น ซึ่งโอเคหลายเรื่องในยุคนี้ก็มักจะข้ามเหตุผลที่มาของซอมบี้กันไปแล้ว แต่ว่าการที่ซอมบี้นี้เป็นรูปแบบใหม่ มันควรจะมีอะไรที่พอให้เข้าใจที่มาได้มากกว่านี้
เพื่อให้คนดูเก็ทกับสิ่งใหม่ได้มากขึ้น อย่างพฤติกรรมเหมือนมนุษย์ของเจ้าตัวนี้มาจากไหน ทำไมขี่ม้าแทนการวิ่งแบบเดิมๆ ซึ่งแอบดูตลกเรื่องซอมบี้ขี่ม้าอยู่เหมือนกัน ถ้าทำได้ขนาดนี้ไม่ขับรถไปเลยให้จบเรื่อง
โดยรวม
ภาพรวมของ Army of the Dead ต้องถือว่าเป็นหนังซอมบี้ที่มีความเอพิคสูงมาก ด้วยสไตล์และงานวิชวลในมุมมองของแซ็ค สไนเดอร์ ทำให้หนังดูฟอร์มค่อนข้างโต และมีฉากที่เห็นแล้ว แสดงถึงความยิ่งใหญ่ค่อนข้างมาก
ทั้งในแง่ของตัวละครที่ฝ่ายของพระเอกขนคนบุกเข้าไปจำนวนมาก เช่นเดียวกับฝั่งซอมบี้ที่มีระดับกองทัพ ดังนั้นในแง่ของฟอร์ม Army of the Dead จึงดูดีอย่างมาก ตัวหนังเองก็มีฉากสนุกๆเพียบ โดยเฉพาะซีนที่ปะทะกับซอมบี้ส่วนใหญ่ ทำออกมาได้สนุกและตื่นเต้น
การฟาดกันระหว่างทีมทหารรับจ้างกับทีมซอมบี้ลุ้นระทึก และมันส์สะใจเลยทีเดียว แน่นอนว่าข้อดีสำหรับหนังแซ็ค สไนเดอร์ ส่วนใหญ่รวมไปถึงเรื่องนี้ด้วยก็คืองานวิชวลของเขานั่นเอง หนังค่อนข้างสวยมาก มีงานโปรดักชั่นดีไซน์ที่น่าสนใจ
รวมถึงสามารถเนรมิตลาสเวกัสที่พังพินาศออกมาได้น่าตื่นตา นับตั้งแต่นาทีที่ทีมพระเอกเหยียบเข้าไปในกำแพงที่ล้อมรอบซอมบี้ในเวกัส ชวนตื่นตาแทบทุกนาที (สำหรับในแง่งานสร้าง)
สรุป
สรุปแล้ว Army of the Dead ก็นับเป็นงานหนังที่คุ้มค่าคุ้มเวลาไม่น้อยเลยหากต้องการดูหนังสนุก ๆ ซักเรื่องทั้งงานภาพที่ต้องบอกว่าแซค สไนเดอร์เหมาทั้งกำกับและถ่ายภาพเองซึ่งเขาก็ทำให้งานภาพออกมาโดดเด่นด้วยสไตล์ภาพชัดตื้นแปลกตารวมถึงการออกแบบกลไกซอมบี้ที่น่าสนใจมาก ๆ ช่วยให้หนังเรื่องนี้น่าจะถูกใจคอหนังที่ร่างกายเรียกร้องความระห่ำและปั๊มอดรีนาลีนให้หัวใจสูบฉีดได้แน่นอน
Comments